MINI COOPER SE ใหม่ EV 100% ราคา 1.699 ล้านบาท วิ่งไกล 402 กม. WLTP ยกระดับเทคโนโลยีในห้องโดยสาร
มินิ ประเทศไทย เปิดตัวมินิใหม่ในเจเนอเรชันที่ 5 ที่ชูจุดเด่นทั้งความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามเป้าหมายการเปลี่ยนผ่านสู่ตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบเต็มตัวภายในปี 2030 และการออกแบบที่ยังคงความเป็นรถมินิอย่างครบถ้วน นำโดย มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ และเปิดตัวอีก 2 รุ่นในตระกูลคันทรีแมน เอสอี ใหม่ ในระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า 100% เป็นครั้งแรก พร้อมด้วย มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คันทรีแมน โฉมใหม่ล่าสุดของครอสโอเวอร์สายสปอร์ต และเผยโฉม มินิ เอซแมน เอสอี ใหม่ คอมแพกต์ครอสโอเวอร์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ผสมผสานความรู้สึกการขับขี่แบบ “Go-Kart feeling” เป็นครั้งแรกในไทย ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 20 สิงหาคมนี้
สรุปสเปก ALL-ELECTRIC MINI COOPER SE ราคาจำหน่าย 1,699,000 บาท
มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้ากำลัง 160 กิโลวัตต์ 218 แรงม้า และแรงบิด 330 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 6.7 วินาที ช่วงล่างปรับแต่งจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ฐานล้อที่ยาวขึ้นและขยับไปชิดมุมรถทั้ง 4 ด้าน (Short overhang) แบตเตอรี่แรงดันสูง 54.2 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ระยะทางสูงสุด 402 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP นอกจากนี้ รองรับการชาร์จไฟแบบ AC สูงสุด 11 กิโลวัตต์ ในขณะที่การชาร์จไฟแบบ DC ทำได้สูงสุดที่ 95 กิโลวัตต์ โดยในโหมด DC จะสามารถชาร์จจากร้อยละ 10-80 ในเวลา 30 นาที รองรับการตั้งค่าการชาร์จต่าง ๆ เช่น เวลาชาร์จ ระดับแบตเตอรี่ที่ต้องการ และอื่น ๆ พร้อมการเข้าถึงข้อมูลแบตเตอรี่จากหน้าจอมือถือผ่าน MINI App
มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันจอดรถอัตโนมัติอย่าง Parking Assistant และแพ็กเกจ Driving Assistant ซึ่งสามารถเลือกอัปเกรดเป็น Driving Assistant Plus ที่มาพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) โดยลูกค้าสามารถเลือกสมัครได้ในแบบ 1 เดือน, 1 ปี, 3 ปี, และตลอดอายุการใช้งาน รองรับฟีเชอร์กุญแจรถดิจิทัล MINI Digital Key Plus ที่เปลี่ยนสมาร์ตโฟนและสมาร์ตวอชให้เป็นกุญแจรถแบบเดียวกับที่ BMW ทำได้ ซึ่งสามารถเปิดใช้งาน Welcome Light ได้โดยอัตโนมัติเมื่อเจ้าของรถอยู่ในระยะ 3 เมตรจากตัวรถ และสามารถปลดล็อคประตูอัตโนมัติเมื่อเดินเข้ามาในระยะ 1.5 เมตร รวมไปถึงการสตาร์ทเครื่องยนต์เมื่อนั่งอยู่ในตำแหน่งพร้อมจะออกเดินทาง นอกจากนี้ยังสามารถส่งต่อ Digital Key ให้เพื่อนหรือคนในครอบครัวได้อย่างง่ายดายและปลอดภัย
ALL-ELECTRIC MINI COOPER SE เปิดราคาที่ 1,699,000 บาท พร้อมแพ็คเกจ MSI Standard 4 ปี ไม่จำกัดระยะทางมี 6 สีให้เลือก ได้แก่ Blazing Blue, Nanuq White, Melting Silver ที่มาพร้อมกับหลังคาสีดำ Jetblack และ British Racing Green, Sunny Side Yellow, Chili Red II ที่ให้ลูกค้าเลือกหลังคาดำ Jetblack หรือสีขาว Glazed White
ภาษาการออกแบบของ ALL-ELECTRIC MINI COOPER SE
ประภัสรา อร่ามวงศ์สมุทร ผู้อำนวยการ มินิ ประเทศไทย กล่าวว่า “วันนี้เราตื่นเต้นมากที่ได้นำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของมินิกลับมาทำตลาดในประเทศไทยอีกครั้ง ซึ่งรุ่นก่อนหน้าก็ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากลูกค้าในไทยจนขายหมดไปเมื่อปี 2566 ในครั้งนี้ มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ ได้กลับมาอีกครั้งในเจเนอเรชันที่ 5 ด้วยดิไซน์มินิมอลสุดล้ำ ฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบรับยุคดิจิทัล และสมรรถนะการขับขี่ที่ยังคงความสนุก เร้าใจด้วยสไตล์การขับขี่แบบโกคาร์ทอันเป็นเอกลักษณ์ของมินิเอาไว้อย่างครบถ้วน"
มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ ในเจเนอเรชันที่ 5 ได้ใช้เอกลักษณ์ดั้งเดิมของความเป็นมินิ มาผสมผสานเข้านวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า 100% เสนอประสบการณ์การขับขี่ในรูปแบบ "Electrified Go-Kart" ในสไตล์มินิมอล โดยมีการปรับปรุงซุ้มล้อและขอบด้านข้างรถให้เสมอกับผิวตัวถังรอบคัน ซึ่งเป็นไปตามแบบฉบับของมินิรุ่นคลาสสิก ทำให้รถดูมีขนาดใหญ่ขึ้น ในขณะที่ด้านหน้าของรถยังใช้ไฟหน้าทรงกลมอันเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ประจำตัว พร้อมโหมดไฟซิกเนเจอร์ที่มีให้เลือก 3 รูปแบบ ได้แก่ Classic, Favoured และ JCW พร้อมค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศเพียง 0.28 เส้นใยโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลร้อยละ 90 กับการขึ้นรูปแผงหน้าปัด แผงประตู และฝาปิดช่องเก็บของต่าง ๆ ภายในรถ เบาะนั่งจากวัสดุที่มินิเรียกว่า Vescin สีน้ำเงิน Nightshade ซึ่งเป็นวัสดุหนังสังเคราะห์แบบใหม่ของมินิที่นำมาใช้แทนหนัง และล้อของมินิ คูเปอร์ เอสอี ก็ได้ใช้อลูมิเนียมรีไซเคิลเป็นวัสดุหลักเช่นกัน
เทคโนโลยีสำคัญของ ALL-ELECTRIC MINI COOPER SE
ประภัสรา อร่ามวงศ์สมุทร ผู้อำนวยการ มินิ ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า "รถยนต์เจเนอเรชันใหม่ของมินิทุกรุ่น นับเป็นการผสมผสานงานออกแบบและความสนุกในการขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ของมินิ เพื่อมอบประสบการณ์อันยอดเยี่ยมและยั่งยืนให้กับทั้งแฟน ๆ ที่ติดตามมินิมาอย่างยาวนาน รวมถึงลูกค้าใหม่ที่ต้องการจะก้าวเข้าสู่โลกของมินิเป็นครั้งแรก ซึ่งมินิเจเนอเรชันใหม่ยังไม่ละทิ้งคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของแบรนด์พร้อมทั้งยังส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับตัวรถ ผ่านทางนวัตกรรมดิจิทัลต่าง ๆ มากมายให้แก่ผู้ขับขี่ทั้งขณะที่ใช้งานในตัวรถ และเมื่อต้องการสื่อสารกับตัวรถขณะอยู่นอกห้องโดยสารอีกด้วย”
หนึ่งในการเปิดตัวเทคโนโลยีภายในรถมินิ คือ ผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะ MINI Intelligent Personal Assistant ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในไทย พร้อมตอบสนองทุกคำสั่ง เพียงออกเสียงเรียกว่า “Hey MINI!” หรือจะเลือกกดปุ่มสั่งการด้วยเสียงบนพวงมาลัยก็ได้ และสามารถปรากฏตัวทักทายคุณบนหน้าจอ MINI Interaction Unit ในรูปของรถ “MINI” ที่เป็นหน้าตาแบบมาตรฐาน หรืออาจเลือกอัปเกรดผ่านแพ็คเกจ MINI Connected ให้เป็นสุนัข “Spike” ได้ ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ MINI Operating System 9 ภายใต้การพัฒนาเดีวกันกับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป บนพื้นฐานของ Android Open Source Project (AOSP) รองรับการเชื่อมต่อกับแพ็คเกจ MINI Navigation ขณะขับขี่เพื่อช่วยนำทางด้วยระบบคลาวด์ พร้อมรองรับการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายแบบ 5G ในตัว และยังสามารถแสดงภาพสามมิติเพื่อช่วยนำทาง และมี MINI Connected Store เสนอแอปพลิเคชันที่หลากหลาย เพื่อการใช้งานและความบันเทิง รวมถึงเกม แอปสตรีมเพลงและวิดีโอภายในรถยนต์
อีกหนึ่งเทคโนโลยีใหม่ในมินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ คือ จอแสดงผล OLED ทรงกลมความละเอียดสูง (MINI Interaction Unit) โดยส่วนบนของหน้าจอจะเป็นพื้นที่แสดงข้อมูลสำคัญของตัวรถ เช่น ความเร็วรถและสถานะแบตเตอรี่ ในขณะที่ส่วนที่เหลือของจอแสดงผลทรงกลมยังสามารถปรับเปลี่ยนให้แสดงข้อมูลการนำทาง เพลงและความบันเทิงอื่น ๆ รวมถึงฟีเชอร์ด้านการเชื่อมต่อต่าง ๆ และใช้สั่งการโหมดการใช้งาน MINI Experience ฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยปรับแต่งประสบการณ์การขับขี่ 7 โหมดที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ครอบคลุมการปรับเปลี่ยนโหมดขับขี่ของตัวรถ เสียงจำลองที่ช่วยเสริมบรรยากาศการขับขี่ และสีสันจากหน้าจอรวมทั้งระบบไฟภายในห้องโดยสาร
โหมดการขับขี่ MINI Experience
โดยโหมดการขับขี่ภายใต้ MINI Experience ได้แก่
- 1. โหมดมาตรฐาน ‘Core Mode’ ห้องโดยสารจะได้รับการตกแต่งด้วยหน้าจอและไฟในโทนสี Laguna พร้อมการขับขี่โหมด Comfort และเสียงจำลองแบบมาตรฐานที่ทั้งผู้ขับขี่และบุคคลภายนอกจะได้ยินไปด้วยกัน เพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่การขับขี่และคนเดินถนน
- 2. ‘Go-Kart Mode' จะเปลี่ยนชุดสีหน้าจอเป็นสีดำ Anthracite ผสมกับสีแดง และระบบไฟ ambient light สีแดง สังเคราะห์เสียงเครื่องยนต์จากรุ่นจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์
- 3. 'Green Mode' จะตั้งค่ารถเป็นโหมดการขับขี่แบบมีประสิทธิภาพที่สุด เพื่อเพิ่มระยะทางการขับขี่สูงสุด ขณะที่หน้าจอและระบบไฟส่องสว่างจะมาในสีเขียวนวลตา
นอกเหนือจาก 3 โหมดหลักนี้ MINI Interaction Unit ยังมาพร้อมกับบุคลิกและลูกเล่นในอีก 4 โหมด ได้แก่
4. ‘Vivid Mode’ สามารถซิงค์แสงไฟภายในกับภาพปกอัลบั้มของเพลงที่กำลังเล่นในรถ
5. ‘Personal Mode’ รองรับภาพพื้นหลังที่เลือกเองได้
6. ‘Timeless Mode’ สะท้อนภาพประวัติศาสตร์สุดคลาสสิกของมินิ ผ่านทั้งภาพและเสียง
7. ‘Balance Mode’ มุ่งเน้นการให้บรรยากาศเรียบง่าย สงบ สบาย
ข้อมูลจาก มินิ ประเทศไทย