รีเซต

SCGP กำไร Q1/65 ที่ 1.66 พันลบ. ลดลง 22% ตั้งงบปีนี้กว่า 2 หมื่นลบ.ขยายธุรกิจ

SCGP กำไร Q1/65 ที่ 1.66 พันลบ. ลดลง 22% ตั้งงบปีนี้กว่า 2 หมื่นลบ.ขยายธุรกิจ
ทันหุ้น
26 เมษายน 2565 ( 13:17 )
115

#SCGP #ทันหุ้น-บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ไตรมาส 1/65 มีกำไร 1,657.96 ล้านบาทลดลง 22% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 2,134.73 ล้านบาท ซึ่งผลการดำเนินงานที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลมาจากต้นทุนด้านวัตถุดิบและพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และมีการปรับราคาสินค้าให้สะท้อนกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ในส่วนผลการดำเนินงานที่ลดลงจากไตรมาสก่อน สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากรายการพิเศษจากการปรับลดประมาณการเงินค่าหุ้นที่คาดว่าจะต้องจ่าย (Earn-Out) ของ Go-Pak ในไตรมาส

โดยมี EBITDA เท่ากับ 4,887 ล้านบาท ลดลง 7%  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 10%  เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยมี EBITDA margin ที่ 13% 

 

โดยมีรายได้จากการขายเท่ากับ 36,634 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการรวมผลดำเนินงานของ Duy Tan, Intan Group และ Deltalab , การเติบโตของสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร (Integrated Packaging Business) ในกลุ่มสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค การส่งออกอาหารปรุงสำเร็จพร้อมทาน อาหารแช่แข็ง และอาหารสัตว์เลี้ยง , ปริมาณความต้องการและราคาของเยื่อกระดาษที่เพิ่มขึ้นจากความกังวลด้านการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน

 

**แนวโน้ม Q2/65 

 

ในไตรมาสที่ 2 ปี 2565 หลายประเทศทั่วโลกใช้มาตรการผ่อนปรนการควบคุมโรคระบาดส่งผลให้มีการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศ การรับประทานอาหารนอกบ้าน การจับจ่ายใช้สอยที่เพิ่มขึ้น รวมถึงภาคการส่งออกที่ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยลบที่ต้องติดตามซึ่งอาจทำให้ เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ช้า

กว่าที่คาดคือ (1) ผลกระทบจากมาตรการ Zero COVID ของประเทศจีน ซึ่งทำให้เศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว ส่งผลให้ปริมาณความต้องการนำเข้าสินค้าลดลง (2) ปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ อาจส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานให้อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง

 

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจแพคเกจจิ้งยังคงเป็นส่วนสำคัญของห่วงโซ่อุปทาน โดย SCGP มีสินค้าและบริการที่หลากหลายทั้งบรรจุภัณฑ์กระดาษและพอลิเมอร์ครอบคลุมทั้งภูมิภาคอาเซียน โดยมีโรงงานผลิตจำนวน 56 แห่งและมีลูกค้ากว่า 7,000 ราย โดยลูกค้ากว่าร้อยละ 70 อยู่ในอุตสาหกรรมที่ใกล้ชิดกับผู้บริโภค (Consumer linked) เช่น กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมอุปโภคบริโภค FMCG อาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งทำให้บริษัทมีความยืดหยุ่นในการผลิตสินค้าให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่วงเวลาได้อย่างเหมาะสม รวมถึงมีการพัฒนาหาช่องทางในการขยายฐานลูกค้าไปยังภูมิภาคใหม่ ๆ อยู่เสมอ

 

**งบกว่า 2 หมื่นลบ.

 

ทั้งนี้ในปี 2565 SCGP ตั้งเป้าที่จะลงทุนเพื่อขยายธุรกิจตามแผนการเติบโตระยะยาวอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเติบโตจากการขยายกำลังการผลิต (Organic Growth) และการเร่งขยายธุรกิจจากการควบรวมกิจการ (M&P)โดยมีงบประมาณการลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาท รวมถึงในปี 2565 SCGP จะสามารถรับรู้รายได้เต็มปีจากการควบรวมกิจการที่เสร็จสิ้นแล้ว รวมถึงการเพิ่มอัตราการผลิตตามแผนงานของโครงการที่ดำเนินการก่อสร้างเสร็จแล้ว ในขณะเดียวกันบริษัทยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาสินค้า บริการ และโซลูชันเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าอย่างไม่หยุดยั้ง

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง