Tesla ส่งมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเกือบ 1 ล้านคัน ให้กับลูกค้าในปี 2021
บริษัท Tesla ผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอันดับ 1 ของโลกประสบความสำเร็จในการส่งมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 936,172 คัน ให้กับลูกค้าผู้ส่งจองทั่วโลก โดยในจำนวนดังกล่าวเป็นการส่งมอบรถในไตรมาสที่ 4 ประมาณ 308,600 คัน นับเป็นยอดจำนวนการส่งมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าตลอดทั้งปีสูงสุดของบริษัทและมีการเติบโตเกือบ 1 เท่าตัว เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนการส่งมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในปี 2020 ที่มียอดการส่งมอบตลอดทั้งปี 499,550 คัน แม้ในปี 2021 บริษัท Tesla จะประสบปัญหาด้านต่าง ๆ มากมาย
ในช่วงปี 2021 บริษัท Tesla ประสบปัญหาทั้งการปรับปรุงประสิทธิภาพของตัวรถเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ปัญหาการระบาดของ COVID-19 รวมไปถึงปัญหาการขาดแคลนชิปคอมพิวเตอร์ที่ส่งผลกระทบต่อทุกอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะบริษัท Tesla ที่มีความต้องการชิปคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานในตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติจำนวนมาก นอกจากนี้บริษัทรถยนต์ชั้นนำของโลกหลายแห่งยังทยอยเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่เข้ามาแข่งขันในตลาด เช่น F-150 Lightning, Cadillac Lyriq และ Mercedes EQA
การแข่งขันในตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าประเทศจีนมีการแข่งขันอย่างรุนแรงจากผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน แม้ว่าโรงงาน Giga Shanghai เมืองเซี่ยงไฮ้ของบริษัท Tesla จะเริ่มต้นสายการผลิตมาแล้วระยะหนึ่ง โดยข้อมูลจากสมาคมรถยนต์ส่วนบุคคลของจีน (China Passenger Car Association หรือ CPCA) พบว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มียอดขายอันดับหนึ่งในประเทศจีนเป็นรุ่น Hongguang Mini จากบริษัทร่วมทุน 3 แห่ง SAIC, GM และ Wuling มียอดขาย โดยมีรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่น Tesla Model 3 และ Tesla Model Y ตามมาในลำดับรองลงไป ตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศจีนถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีการเติบโตรวดเร็วมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
อย่างไรก็ตามในปี 2022 คาดว่าบริษัทจะสามารถเพิ่มยอดขายได้อีกหลายเท่าตัว เนื่องจากโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า Giga Texas ในรัฐเท็กซัสและ Giga Berlin ในประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่ของบริษัทเริ่มเดินหน้าสายการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า อย่างไรก็ตามสำหรับรถยนต์กระบะพลังงานไฟฟ้า Tesla Cybertruck ชื่อดังของบริษัทที่เคยถูกวางแผนให้ผลิตในโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า Giga Texas อาจถูกเลื่อนออกไปจากปี 2022 เนื่องจากเว็บไซต์ของบริษัทได้ทำการลบข้อมูลแผนการผลิตดังกล่าวออกจากเว็บไซต์โดยบริษัทยังไม่เผิเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลจาก asia.nikkei.com
ภาพจาก toyota.com