รีเซต

THANIหั่นยอดสินเชื่อใหม่ ดอกเบี้ยขาขึ้นกดดันต้นทุน

THANIหั่นยอดสินเชื่อใหม่ ดอกเบี้ยขาขึ้นกดดันต้นทุน
ทันหุ้น
4 สิงหาคม 2566 ( 20:39 )
177

THANI ปรับยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ปี 66 ลงเหลือ 2.7-2.8 หมื่นล้านบาท หลังปัจจัยภายนอกยังมีผลกดดันต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ คาดไตรมาส 3/66 ยอดสินเชื่อใหม่เฉลี่ย 2-2.3 พันล้านบาทต่อเดือน พร้อมคุมเข้าม NPL ต่ำระดับ 3% คงเป้าพอร์ตคงค้าง 5.21 หมื่นล้านบาท มองดอกเบี้ยขาขึ้นเป็นตามคาด เชื่อยังรับมือได้ กูรูคาดไตรมาส 2/66 ประกาศกำไรที่ 434 ล้านบาท

 

นายวิรัตน์ ชินประพินพร ประธานกรรมการ บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ THANI เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทได้มีการปรับยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ปี 2566 นี้ ลงเหลือ 27,000-28,000 ล้านบาท จากเดิมที่วางไว้ประมาณ 30,000 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับเศรษฐกิจ และมีความผัวผวนจากปัจจัยภายนอกเข้ามากระทบ 

 

ทำให้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังดูมีความแม่แน่นอน ดังนั้น การปล่อยสินเชื่อใหม่จึงต้องเป็นไปอย่างระมัดระวังและไม่เร่งรีบ เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดหนี้สงสัยจะสูญในอนาคต

 

รับมือดอกเบี้ยขาขึ้น

แม้ว่าความต้องการสินเชื่อใหม่เพื่อหมุนเวียน และดำเนินธุรกิจในปัจจุบันจะมีการขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ และปริมาณการขนส่งสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น แต่บริษัทอาจจำกัดยอดการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ทำให้ในช่วงไตรมาส 3/2566 การเติบโตของยอดสินเชื่อใหม่อาจชะลอตัวลง ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ายอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ในช่วงไตรมาส 3/2566 จะอยู่ที่ระดับเฉลี่ยประมาณ 2,000-2,300 ล้านบาทต่อเดือน

 

จากในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 ยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อเดือน ขณะที่อัตราการเกิดหนี้สงสัยจะสูญ (NPL) ในปัจจุบันบริษัทยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 3% ตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ ส่วนรถถูกยึดในพอร์ตของบริษัทปัจจุบันอัตราการยึดรถมีการลดลงอย่างมีนัยยะตามการกลับมาชำระหนี้ ซึ่งในส่วนนี้บริษัทยังคงให้ความสำคัญในการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ดีอย่างสม่ำเสมอ มีการพูดคุยและหาหนทางในการช่วยเหลือเพื่อเลี่ยงการยึดรถที่เป็นเครื่องมือประกอบอาชีพ

 

สำหรับเป้าหมายพอร์ตสินเชื่อคงค้างในปี 2566 บริษัทมองว่าอาจทรงตัวใกล้เคียงเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน หรือหากว่าการเมืองคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี ก็อาจมีการเติบโตแบบตัวเลขหลักเดียวจากปีก่อนที่พอร์ตสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ระดับ 52,101 ล้านบาท ในส่วนของ Credit Cost บริษัทยังคงเป้าหมายไว้อยู่ที่ต่ำ 1% เช่นเดิม

 

ประเด็นที่ทาง กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 2.00 เป็นร้อยละ 2.25 ต่อปีนั้น มองว่าเป็นไปตามที่คาดการณ์แม้ว่าอาจมีผลกดดันต่อต้นทุนทางการเงินบ้างระยะสั้น แต่เชื่อว่ายังปรับตัวและอยู่ในขอบเขตที่รับมือได้

 

กูรูแนะ"ทยอยซื้อ"

บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาดไตรมาส 2/66 THANI จะมีกำไรที่ 434 ล้านบาท ลดลง 11.8% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน และ 3.6% จากไตรมาสก่อน ถึงแม้จะคาดว่ารายได้ดอกเบี้ยจะยังคงเพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อ แต่การเพิ่มขึ้นของต้นทุนทางการเงิน และการตั้งสำรองรวมไปถึงค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น จะทำให้กำไรลดลง ถึงแม้ว่ายอดขายรถบรรทุกจะชะลอตัวแต่ทางฝ่ายคาดว่าสินเชื่อของ THANI ยังน่าจะเพิ่มสูงขึ้นได้

 

โดยลูกค้าอาจจะเปลี่ยนไปซื้อรถมือ 2 แทน ซึ่งรถบรรทุกมือ 2 นั้น ไม่ได้ถูกนับรวมในยอดขายรถบรรทุกใหม่ แต่อย่างไรก็ตามคาดว่า NPL ของ THANI ในไตรมาสนี้อาจจะเพิ่มสูงขึ้นจากที่มีอยู่ 2.66% ทางฝ่ายปรับลดประมาณการกำไรปี 66 ของ THANI ลงเหลือ 1.8 พันล้านบาท จากการตั้งสำรองที่สูงกว่าที่คาดไว้เดิม ยังเพิ่มขึ้น 1.1% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน และปรับลดราคาพื้นฐานลงเหลือ 3.50 บาท มีส่วนต่างน้อยลง จึงปรับลดคำแนะนำลงมาเป็น "ทยอยซื้อ"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง