แจ้งจับชายหัวร้อน ขับเก๋งปาดหน้าชักปืนขู่ ไม่คิดว่าเป็นตำรวจจริง (คลิป)
ข่าววันนี้ โชเฟอร์รถบรรทุก แจ้งจับหนุ่มหัวร้อน อ้างเป็นตำรวจ ขับเก๋งปาดหน้า ชักปืนข่มขู่ ที่แท้เป็นเจ้าหน้าที่จริง อ้างอยากสั่งสอน อย่าขับแช่ขวา โดยเมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2564 ที่สภ.รัตภูมิ จ.สงขลา นายอนุพงษ์ หมื่นระย้า หรือบังต๊ะ อายุ 33 ปี โชว์เฟอร์รถบรรทุก พร้อมว่าที่ร้อยตรีชัชวาลย์ บำรุงวงศ์ ทนายความ กลุ่มทนายใจดี เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับด.ต.กฤษดา สุขใส ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธร จ.ยะลา หลังถูกตำรนวจนายดังกล่าวขับรถยนต์ปาดหน้า พร้อมถือชักอาวุธปืนข่มขู่เรียกให้จอด
นายอนุพงษ์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นบนถนนสายเอเชียช่วงหาดใหญ่-รัตภูมิ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 18 กันยายน 64 ซึ่งตนถูกชายคนนี้ซึ่งทราบว่าภายหลังว่าเป็นตำรวจจริง มีพฤติกรรมคล้ายคนเมา ขับรถยนต์ปาดหน้า พร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่เพราะไม่พอใจที่ตนขับรถบรรทุกแช่เลนขวา
นายอนุพงษ์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้ตนจะดำเนินคดีกับตำรวจคู่กรณีให้ถึงที่สุดแม้ว่าในวันนี้ทางตำรวจจะนัดขอเคลียร์เพื่อจบปัญหา โดยได้ไปพบกันที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งพร้อมกับขอโทษแต่ตนไม่ยอม เนื่องจากในวันเกิดเหตุตนพยายามร้องขอชีวิต แต่ตำรวจนายนี้ไม่ยอมสุดท้ายเมื่อเป็นเรื่องขึ้นมา พยายามมาขอเคลียร์ซึ่งตนจะไม่ยอมเช่นกัน และอาจจะเข้าร้องเรียนต่อผบช.ภ.9 เพื่อให้ดำเนินการเอาผิดทางวินัยขอให้พักราชการ
ด้านด.ต.กฤษดา กล่าวว่า ยอมรับที่ตนโมโหเพราะถูกรถบรรทุกขับแช่ขวายาวเกือบ 5 กิโลเมตร และที่ขับรถปาดหน้าและขวางทางเพื่อต้องการให้คนขับรถบรรทุกลงมาคุยเพื่อตักเตือน เพราะขวางทางรถคันอื่น แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้ชักอาวุธปืนออกมาข่มขู่ และไม่ได้เมา ที่ดูว่าพูดเหมือนคนเมาเพราะตนป่วยจากอาการเส้นเลือดในสมองตีบลิ้นแข็งพูดไม่ค่อยถนัดจึงมองว่าพูดเหมือนคนเมา
เหตุการณ์นี้ได้มีการเคลียร์กับคนขับรถบรรทุกและปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยที่ป้อมตำรวจทางหลวงพรุพ้อ ซึ่งคนขับรถบรรทุกก็ขอโทษที่ขับรถขวางทาง ส่วนตนก็ขอโทษที่ทำให้ตกใจกลัวและมีการจับมือจบเรื่องกันด้วยดีและแยกย้ายกันไป ไม่คิดว่าจะมีการปล่อยคลิปและเข้าแจ้งความดำเนินคดีภายหลัง
ด้านร.ต.อ.เชาวลิต แก้วห่อทอง รองสว.(สอบสวน) ได้เรียกนายอนุพงษ์ เข้าให้ปากคำเพิ่มเติม โดยผู้เสียหายได้ประสงค์แจ้งความ 3 ข้อหาคือ พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ข่มขู่คุกคามผู้อื่นให้ได้รับความหวาดกลัว และพ.ร.บ.ขับรถเป็นที่น่าหวาดเสียว และหลังจากนี้จะเข้าสู่กระบวนการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายเรียกตำรวจคู่กรณีมาให้ปากคำอีกครั้ง