ดูไบผุดโครงการสร้างทางหลวงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุดในโลก
ดูไบมีโครงการก่อสร้างที่น่าสนใจมาให้ตื่นเต้นกันอีกแล้ว กับการเสนอแนวคิด การสร้างทางหลวงที่เป็นมิตรที่สุดในโลก โดยจะใช้ชื่อว่า ดูไบ กรีน สไปน์ (Dubai Green Spine) ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนถนน ชีค โมฮัมเหม็ด บิน ซาเยด (heikh Mohammad Bin Zayed) ให้เป็นถนนและทางเดินที่ยั่งยืน ด้วยความยาว 64 กิโลเมตร
โครงการนี้สอดคล้องกับแผนแม่บทในการพัฒนาเมืองดูไบ 2024 (Dubai 2040 Urban Master Plan) ซึ่งจะมีการสร้างระบบรถรางพลังงานแสงอาทิตย์ เชื่อมต่อย่านต่าง ๆ หลายแห่งในดูไบ โดยตั้งเป้าที่จะทำให้ประชาชนสามารถเดินทางไปยังจุดต่าง ๆ ของเมืองได้ภายในเวลา 20 นาที
สำหรับแผนการสร้าง จะดูแลโดยบริษัท ยูอาร์บี (URB) ซึ่งเป็นบริษัทด้านการวางผังเมืองและพัฒนาเมืองในดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่ยังคงอยู่ในขั้นตอนของการเสนอแนวคิดเท่านั้น โดยหากได้รับการอนุมัติ ทางบริษัทเชื่อว่าโครงการจะสามารถสร้างเสร็จได้ภายในในระยะเวลา 10 ปี
ส่วนมูลค่าของโครงการนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ราว 36,000 ล้านเดอร์แฮมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือคิดเป็นเงินไทยที่ราว 356 ล้านบาทไทย และเมื่อสร้างเสร็จแล้วโครงการนี้คาดว่าจะมีต้นไม้ในโครงการมากกว่า 1 ล้านต้น ตลอดจนฟาร์มและสวนในเมือง เพื่อส่งเสริมการใช้ชีวิตที่ยั่งยืน
และนอกจากแผน การสร้างทางหลวงที่เป็นมิตรที่สุดในโลกแล้ว ก่อนหน้านี้ ยูอาร์บี (URB) ยังเคยประกาศแผนการปรับปรุงพื้นที่อื่น ๆ ในดูไบเช่นกัน ตัวอย่างเช่นโครงการสร้างเมืองลอยน้ำที่เรียกว่า ‘ดูไบ รีฟ (Dubai Reef)’ ซึ่งจะกลายเป็นสถานที่สำหรับทำงานวิจัยของนักวิจัยใต้น้ำและสถานที่ท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวสายรักษ์ธรรมชาติ
ภายในเกาะจะมีทั้งอาคารที่อยู่อาศัย, สถานพยาบาล, ร้านค้า, สถานศึกษาและสถานที่สำหรับการทำวิจัยเพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายอย่างนักท่องเที่ยวและนักวิจัย นั่นคือการจัดตั้งสถาบันทางทะเล เพื่อเป็นสถานที่ศึกษาสำหรับเร่งศักยภาพทางวิทยาศาสตร์และการอนุรักษ์ทางทะเลของดูไบได้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีโครงการสร้างเขตศูนย์กลางเทคโนโลยี หรือ Urban Tech District แห่งใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในเขตอัล จัดดาฟ (Al Jaddaf) โดยคาดว่าศูนย์เทคโนโลยีแห่งใหม่นี้ จะอยู่ในแผนการบรรลุเป้าหมายคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ของดูไบ และจะเป็นฮับ (Hub) หรือศูนย์กลางให้ผู้ประกอบการด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับแนวหน้าจากทั่วโลก
โดยเป้าหมายระยะยาวของศูนย์เทคโนโลยีแห่งนี้ จะมีการถ่ายทอดความรู้แก่ผู้นำด้านเทคโนโลยีในเมืองรุ่นต่อไป ผ่านสถาบันการศึกษาในพื้นที่ และยังมีการให้เงินลงทุนแก่นักประดิษฐ์ และสตาร์ตอัป ที่มุ่งเป้าจัดการปัญหาสำคัญ ๆ ของโลก เช่น สภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง รวมถึงเพิ่มอัตราการจ้างงานด้านเทคโนโลยีกว่า 4,000 ตำแหน่งอีกด้วย
ข้อมูลจาก timeoutdubai, tnnthailand, urb