รีเซต

นทท.-กัปตันเรือ จับปลานกแก้ว โดน 5 ข้อหา พักใบอนุญาตผู้ให้เช่าเรือ

นทท.-กัปตันเรือ จับปลานกแก้ว โดน 5 ข้อหา พักใบอนุญาตผู้ให้เช่าเรือ
มติชน
16 สิงหาคม 2565 ( 12:06 )
38

หัวหน้าอุทยานพีพี เผย นทท.-กัปตันเรือ จับปลานกแก้ว โดน 5 ข้อหา ผู้ให้เช่าเรือพักใบประกอบกิจการ ต่างชาติอ้างไม่ทราบเขตห้าม ฟังไม่ขึ้น ทำแบบนี้ดูถูกคนไทย

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคา ทีมเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ควบคุมตัว นาย Roslan Benedia อายุ 30 นักท่องเที่ยวชาวเนเธอร์เเลนด์ ในพื้นที่จ.ภูเก็ต หลังโพสต์คลิปวิดีโอยืนถือปลานกแก้ว 2 ตัว และปลาชนิดอื่นๆ อีก 3 ตัว

เบื้องต้น นาย Roslan ให้การรับสารภาพว่า ได้เช่าเรือยางยาวนำเที่ยว และปืนยิงปลา จากเกาะพีพีดอน ไปยังเกาะพีพีเล ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ โดยมี นายกฤษณะเป็นกัปตันเรือ เเล้วออกไปยิงปลาที่ บริเวณ เกาะพีพีเล ในเวลาประมาณ 13.00 น. ของวันที่ 9 สิงหาคม 2565

โดยอ้างว่าไม่ทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ หลังจากนี้ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจเกาะพีพี อ.เมืองกระบี่ ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน ขยายผลไปถึงเจ้าของเรือผู้ให้เช่าเรือ และผู้ให้บริการเช่าปืนยิงปลา ดำเนินการตามกฎหมาย กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ฉบับลงวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ด้าน นายฑีฆาวุฒิ ศรีบุรินทร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี กล่าวว่า หลังจากใช้เวลา 5 วัน ตั้งแต่มีคลิป ทางอุทยานฯ ร่วมกับตำรวจในพื้นที่จ.กระบี่ ตำรวจท่องเที่ยวสามารถติดตามตัวนักท่องเที่ยวชื่อ Mr.Roslan Benedia สัญชาติเนเธอร์เเลนด์ ที่หลบหนีจาก จ.กระบี่ มาที่จ.ภูเก็ต และรวบตัวได้เมื่อวานนี้ (15 ส.ค.) นักท่องเที่ยว อ้างว่าไม่รู้ว่าเขตอุทยานฯ แต่ยอมรับสารภาพทั้งหมด มีการแจ้งข้อหานักท่องเที่ยว และกัปตันเรือ ใน 5 ข้อหาฐานความผิดตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 ซึ่งมีโทษทั้งปรับ และจำคุก เบื้องต้นจากพาสปอร์ตจะอยู่ในไทยถึงวันที่ 21 ส.ค.นี้

การกระทำของนักท่องเที่ยวคนนี้ถือเป็นการดูถูกคนไทย การที่ตกปลาและถ่ายภาพคลิปลงโซเชียล และอ้างว่าไม่รู้ ฟังไม่ขึ้น เพราะเข้ามาในเขตอุทยานฯ ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ และมีการทำป้ายเตือนระเบียบต่างๆ ทั้ง 3 ภาษา เรื่องนี้เป็นผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ที่มีนักท่องเที่ยวที่ไม่ทำตามระเบียบคิดเป็น 0.1 %

“ส่วนกัปตันเรือ และเจ้าของเรือได้เข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว และให้ความร่วมมือกับตำรวจและทางอุทยานฯเป็นอย่างดี แต่จะต้องถูกทำทัณฑ์บนไว้ โดยอาจจะมีการพักใช้ใบอนุญาติประกอบกิจการเรือท่องเที่ยวชั่วคราว เพื่อให้หลาบจำ”

สำหรับผู้ประกอบการอยากให้ปฎิบัติตามเงื่อนไขและระเบียบการเข้าใช้พื้นที่ในอุทยานแห่งชาติเพื่อให้การท่องเที่ยวยั่งยืน เพราะหลังจากเปิดการท่องเที่ยว และเริ่มมีนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาหลังโควิด-19 แนวโน้มการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว

1.มาตรา 19 (2) ฐานเก็บหา นำออกไป ทำด้วยประการใด ๆ ให้เป็นอันตรายซึ่งทรัพยากรธรรมชาติอื่น หรือกระทำการอื่นใดอันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ บทกำหนดโทษมาตรา 42 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2.มาตรา 19 (3) ฐานล่อหรือนำสัตว์ป่าออกไปหรือกระทำให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ป่าด้วยประการใด ๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ บทกำหนดโทษมาตรา 43 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

3.มาตรา 19 (7) ฐานนำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์หรือจับสัตว์ หรืออาวุธใด ๆ เข้าไปในอุทยานแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ บทกำหนดโทษมาตรา 45 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท

4.มาตรา 20 ฐานบุคคลซึ่งเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้สั่งให้ปฏิบัติตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด บทกำหนดโทษมาตรา 47 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท

5.มาตรา 40 ผู้ใดกระทำการหรืองดเว้นกระทำการไม่ว่าจงใจหรือประมาทเลินเล่อโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติ ผู้นั้นต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่รัฐตามมูลค่าทั้งหมดของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลาย สูญหาย หรือเสียหายไปนั้น

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง