สหรัฐฯ ดับจากโควิด-19 ทะลุ 2.5 แสน จับตา 'วันหยุดขอบคุณพระเจ้า' เสี่ยงระบาดรอบใหม่
(แฟ้มภาพซินหัว : ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยขณะเดินเล่นในย่านไทม์ส สแควร์ นครนิวยอร์กของสหรัฐฯ วันที่ 18 พ.ย. 2020)
นิวยอร์ก, 19 พ.ย. (ซินหัว) -- ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานว่ายอดผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ของสหรัฐฯ ทะลุ 250,000 รายแล้วในวันพุธ (18 พ.ย)
ศูนย์ฯ ระบุว่ายอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ทั่วสหรัฐฯ รวมอยู่ที่ 250,426 ราย เมื่อนับถึงเวลา 08.30 น. ของวันพฤหัสบดี (19 พ.ย.) ตามเวลาประเทศไทย ขณะที่ยอดผู้ป่วยพุ่งทะลุ 11.5 ล้านรายแล้วรัฐนิวยอร์กรายงานการตรวจพบผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 สูงที่สุดในประเทศอยู่ที่ 34,187 ราย ตามมาด้วยรัฐเท็กซัส ซึ่งตรวจพบผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 20,338 ราย ขณะที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ฟลอริดา และนิวเจอร์ซีย์ ยืนยันการตรวจพบผู้เสียชีวิตมากกว่า 16,000 ราย ส่วนรัฐที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 9,000 ราย ได้แก่ อิลลินอยส์ แมสซาชูเซตส์ เพนซิลเวเนีย และจอร์เจียสหรัฐฯ ยังคงเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากการระบาดใหญ่ โดยมียอดผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตสูงที่สุดในโลก ซึ่งครองสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 18 ของยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลก โดยสหรัฐฯ มีรายงานผู้เสียชีวิต 200,000 รายในวันที่ 22 ก.ย. ก่อนจะพุ่งแตะที่ 250,000 รายในเวลาไม่ถึง 2 เดือนเมื่อวันอังคาร (17 พ.ย.) สหรัฐฯ ตรวจพบผู้เสียชีวิต 1,707 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขผู้เสียชีวิตที่สูงที่สุดในรอบหนึ่งวัน นับตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. ซึ่งมียอดผู้เสียชีวิต 1,774 รายนอกจากนี้ การคาดการณ์แบบจำลองโดยสถาบันชี้วัดและประเมินผลด้านสุขภาพ (IHME) แห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตัน แสดงให้เห็นว่าชาวอเมริกันอาจเสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 มากถึง 438,941 ราย ภายในวันที่ 1 มี.ค. 2021 เมื่ออิงจากสถานการณ์ในปัจจุบันด้านบิล เดอ บลาซิโอ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก ตัดสินใจปิดการเรียนการสอนในโรงเรียนรัฐในวันพุธ (18 พ.ย.) หลังอัตราผลตรวจโรคเป็นบวกเฉลี่ยระยะ 7 วันในนิวยอร์กสูงแตะเกณฑ์ร้อยละ 3 โดยนักเรียนจำเป็นต้องเปลี่ยนไปเรียนทางไกล ตั้งแต่วันศุกร์ (20 พ.ย.) จนกว่าจะมีประกาศให้ทราบต่อไปทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยรายใหม่ในสหรัฐฯ มีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นในรั้วมหาวิทยาลัย นับตั้งแต่เปิดภาคเรียนฤดูใบไม้ร่วง โดยคณะผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาเตือนว่านักศึกษาที่เดินทางกลับมาจากวิทยาลัยและผู้ที่เดินทางไปเยี่ยมเยียนครอบครัวในช่วงวันหยุดเทศกาลขอบคุณพระเจ้าที่กำลังจะถึงนี้อาจนำไปสู่การติดเชื้อระลอกใหม่ได้