SHRไทย-เทศเที่ยวสนั่น อังกฤษมีแผนช่วยค่าไฟ
#SHR #ทันหุ้น - SHR มองเพนต์อัพดีมานด์พุ่ง ยิ้มรับท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศคึกคัก ยอดจองในอังกฤษพุ่ง ด้านค่าสาธารณูปโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น คาดรัฐบาลอังกฤษอาจวางมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมในอนาคต ขณะที่ภาพรวมฟิจิ-มอริเชียส อัตราเข้าพักยืนเหนือ 80% จับตาไตรมาส 4/65 เข้าไฮซีซันท่องเที่ยวมัลดีฟส์ กูรูลงความเห็น "ซื้อ"
ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR เปิดเผยว่า ปัจจุบันบรรยากาศการท่องเที่ยวหลายประเทศทั่วโลกเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นหลังจากที่สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดคลายตัว รวมถึงการกลับมาเปิดประเทศท่องเที่ยวอีกครั้ง ซึ่งการท่องเที่ยวประเทศไทยก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ในช่วงที่ผ่านมากลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาพักผ่อนในไทยมากที่สุด คือ กลุ่มที่ใช้ภาษาเยอรมัน เช่น เยอรมนี ออสเตรีย ลิกเตนสไตน์ สวิตเซอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก อิตาลี เบลเยียม โรมาเนีย และนามิเบีย เป็นต้น
*ท่องเที่ยวคึกคัก
ภาพรวมการท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทยเองก็ค่อนข้างดูดีในช่วงที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าด้วยมาตรการ "เราเที่ยวด้วยกัน" ของภาครัฐ เข้ามาช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายของผู้บริโภคชาวไทยได้ไม่น้อย ทำให้เกิดความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการที่ผู้บริโภคต้องการจับจ่ายใช้สอย (Pent Up Demand) หลังจากที่ผู้บริโภคหยุดหรือลดการใช้จ่ายในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และจากอุปสงค์การท่องเที่ยวและมียอดจองที่พักล่วงหน้า (Booking) ที่ดีอย่างต่อเนื่อง
ทางฝั่งประเทศอังกฤษนั้น ตามปกติแล้วในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ของทุกปีจะเป็นไฮซีซัน โดยยอดจองและการเข้าพักเฉลี่ยในช่วงที่ผ่านมายังคงมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจะมีเหตุการณ์ความโศกเศร้าจากการจากไปของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2แห่งราชวงศ์อังกฤษ แต่จะเห็นได้ว่าการท่องเที่ยวยังไม่ลดลง รวมถึงนักท่องเที่ยวยังใช้โอกาสจากวันหยุดพิเศษในการพักผ่อนตามเมืองท่องเที่ยวต่างๆ โดยเฉพาะในประเทศอังกฤษ
ในเรื่องของต้นทุนสาธารณูปโภคทั้งค่าก๊าซและค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในสหราชอาณาจักรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา คาดว่าจะถูกส่งผ่านทั้งหมดไปยังอัตราที่พักรายวันเฉลี่ยที่ปรับเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้รัฐบาลอังกฤษอาจมีการออกมาตรการช่วยเหลือหรืออุดหนุน (Subsidy) ภาคเอกชนออกมาเพิ่มเติม
ขณะที่หมู่เกาะฟิจิและเกาะมอริเชียส ในช่วงครึ่งปีหลังปกติของทุกปีจะเข้าสู่ไฮซีซันของการท่องเที่ยว โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาส่วนใหญ่เป็นกลุ่มประเทศนิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย ซึ่งในช่วงเดือนสิงหาคม 2565ที่ผ่านมามีอัตราการเข้าพักที่เฉลี่ยกว่า 80%ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า สำหรับในบางโลเคชันอย่างมัลดีฟส์ช่วงไตรมาส 3/2565 จะเป็นโลว์ซีซัน แต่ด้วยแรงอั้นจากการท่องเที่ยวทำให้ แนวโน้มยังดีและยังไม่ต่ำกว่าที่ประมาณการของบริษัท โดยคาดว่าจะกลับมาโดดเด่นอีกครั้งในไตรมาส 4/2565 ซึ่งเป็นไฮซีซันท่องเที่ยวของมัลดีฟส์
อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าในช่วงครึ่งปีหลังที่สถานการณ์ต่างๆ กลับมามีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่า EBITDA ที่ปรับปรุงแล้ว หรือ Adjusted EBITDA จะกลับมีการขยายตัวที่ดีขึ้นไปในทิศทางเดียวกันกับในช่วงครึ่งแรกของปี 2565พลิกจากการขาดทุนในปี 2564 ที่ 74.8 ล้านบาท มามีกำไรที่ 638.5 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทคาดว่า EBITDA ทั้งปี 2565 อาจแตะที่ระดับราว 1,900-2,000 ล้านบาท ของ Top Line หรือคิดเป็น 24-25%โดยบริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมปีนี้ไว้ที่ 8,500 ล้านบาท
**กูรูเชียร์"ซื้อ"
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 6.00 บาท มองว่าราคาหุ้นของ SHR ที่ปรับตัวลดลง 9.5% เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2565เนื่องจากความกังวลเรื่องค่าก๊าซและค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในสหราชอาณาจักรกลับมาอีกครั้ง แม้ว่า SHR จะไม่สามารถชดเชยการเพิ่มขึ้นของต้นทุนสาธารณูปโภคได้ทั้งหมดผ่านอัตราที่พักรายวันเฉลี่ย แต่เชื่อว่าราคาหุ้นปรับตัวลงมากเกินไป จากประมาณการของทางฝ่าย การประเมินมูลค่าปัจจุบันแสดงถึง EV/EBITDA ปี 2566 10.8 เท่า เกือบถึง -2 s.d. ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีของกลุ่มโรงแรมไทย
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เผยในบทวิเคราะห์ว่า Operating Stat ในเดือนกรกฎาคม 2565 ฟื้นตัวต่อเนื่องในทุกตลาด โดยเฉพาะตลาดประเทศไทย ตลาด UK และตลาด Fiji สำหรับ Guidance การฟื้นตัวที่เด่นในช่วงครึ่งหลังปี 2565 หากทำได้ตาม Guidance ฝ่ายวิจัยคาด SHR จะมีกำไรปกติในไตรมาส 3/2565 และกำไรยิ่งเร่งตัวขึ้นในไตรมาส 4/2565 ที่จะเข้าสู่ High Season ของสองตลาดหลัก ได้แก่ ตลาดไทยและตลาดมัลดีฟส์
ฝ่ายวิจัยคงประมาณการและคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 5.50 บาทต่อหุ้นทางฝ่ายเลือก SHR เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มท่องเที่ยวราคาหุ้นซื้อ ขายบน PBV65 ราว 0.9x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 2.5x อย่างมีนัยสำคัญ ตลาดยังมองข้ามผลประกอบการที่จะโดดเด่นอย่างน้อยในช่วง 2-3 ไตรมาสต่อจากนี้ ขณะที่ความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยในยุโรปอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้