รีเซต

3 โบรกฯ คาดแนวโน้มหุ้นบ่าย แนะกลยุทธ์การลงทุน

3 โบรกฯ คาดแนวโน้มหุ้นบ่าย แนะกลยุทธ์การลงทุน
ทันหุ้น
9 ธันวาคม 2568 ( 13:48 )
49

3 โบรกฯ คาดแนวโน้มหุ้นบ่าย แนะกลยุทธ์การลงทุน

ทันหุ้น-บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ความขัดแย้งไทย–กัมพูชา เข้าสู่วันที่ 2 หลายพื้นที่ยังคงมีการยิงต่อสู้และรัฐบาลไทยพร้อมตอบโต้ตามสัดส่วนการปะทะ ด้วยสถานการณ์ที่ยังคงร้อนแรง จึงเสี่ยงกระทบการปิดดีลการค้ากับสหรัฐฯ แม้เดิมตั้งเป้าปิดดีลก่อนสิ้นปี 2568 ขณะที่การค้าชายแดนไทย–กัมพูชาย่ำแย่ โดย 10 เดือนแรกมูลค่า 95,554 ลบ. (-36.68%) โดยเฉพาะ ต.ค. เหลือเพียง 9 ลบ. (-99.94%) ซึ่งเสี่ยงกระทบรายได้จากการค้าระหว่างประเทศราว 5% ของ

GDP เนื่องจากไทยได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯ 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์และกัมพูชา 8 พันล้านดอลลาร์รวมเป็นสัดส่วนราว 27.7% ของดุลการค้ารวม (ข้อมูล ณ.ปี 2567) อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาศาลฎีกาสหรัฐฯ ที่อยู่ระหว่างการไต่สวน หากมาตราการภาษีถูกศาลฎีกาสหรัฐฯ ตีตก อาจลดแรงกดดันทางการค้าทั่วโลก

-วาระครม.วันนี้ จับตาการพิจารณามาตรการเศรษฐกิจ เช่นปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตเพื่อหนุน EV, เสนอโครงการ ปิดหนี้ไวไปต่อได้ แก้ NPL ผ่าน AMC, และแนวทางกำกับโครงการตามมาตรา 28 เพื่อรักษาวินัยการคลัง พร้อมติดตามความคืบหน้า TISA ที่เพิ่มเพดานลดหย่อนภาษีเป็น 800,000 บาท และนโยบายรถไฟฟ้า Single Ownership ค่าโดยสาร 40 บาทตลอดวัน บวกต่อกลุ่มธนาคารและบลจ. ได้แก่หุ้น KBANK, KTB, BBL,SCB, ASP และ KGI หุ้น ESG/ปันผลสูง PTTEP, LH, SIRI, CPN, SCC และ CPALL กลุ่มรถไฟฟ้า BTS และ BEM กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากโครงการแก้หนี้ ได้แก่หุ้น BAM, JMT, KTC, AEONTS, TURBO, SAWAD, MTC และ TIDLOR

-นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยสะสมตั้งแต่ต้นปีถึง 7 ธ.ค. แตะ 30.27 ล้านคน สร้างรายได้ราว 1.4 ล้านล้านบาท แม้ลดลง 7.19%YoY แต่แนวโน้มฟื้นตัวชัดในช่วง High Season โดยสัปดาห์ล่าสุด (1–7 ธ.ค.) เข้ามา 669,991 คน เพิ่มขึ้น 5.5%WoW ปัจจัยหนุนมาจากมาตราการ Ease of traveling ของรัฐที่ยกเลิกบัตร ตม.6 และเพิ่มเที่ยวบิน ขณะที่ผู้โดยสารสนามบินภูเก็ตโตเด่น (+6.8% YoY) สะท้อนดีมานด์ Long-haul ยังแข็งแรงหนุนหุ้น AOT, CENTEL, ERW และ MINT ฟื้นตัวตามนักท่องเที่ยว

-บ่ายคาด SET INDEX วิ่งช่วง 1,260-1,272 จุด

บล.เอเอสแอล ระบุว่าดัชนีรีบาวด์ขึ้นได้ ตามแรงซื้อคืนของ DELTA ที่ปรับตัวลงแรงเมื่อวานนี้ ทั้งนี้หากไม่นับปัจจัยดังกล่าว ดัชนีมีแนวโน้มแกว่งตัวออกด้านข้าง ปริมาณการซื้อขายเบาบาง โดยนักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อรอผลการประชุมเฟด และมีวันหยุดในประเทศคั่นกลางสัปดาห์ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ
ที่ปรับตัวลง เป็นปัจจัยกดดันกลุ่มพลังงานน้ำมัน ส่วนวันนี้ที่ประชุม ครม. รอความชัดเจนของโครงการ TISA

ในส่วนของสถานะการณ์การท่องเที่ยว ททท.รายงานจำนวนนักท่องเที่ยวสะสม ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง 7 ธ.ค. 2568 ทั้งสิ้น 30 ล้านคน และในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยสูงสุด และยังเห็นแนวโน้มการเพิ่มขึ้นในเกือบทุกตลาด

ด้านประเด็นเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา รอติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

กลยุทธ์การลงทุน ดัชนีแกว่งตัวออกด้านข้าง ระหว่างวันเน้นยืนที่แนวรับ 1,260/1,250 จุด ไม่ควรต่ำกว่า ส่วนแนวต้านที่ 1,270/1,280 จุด

บล.โกลเบล็ก ระบุว่าดัชนีเคลื่อนไหว Sideway เนื่องจากวอลุ่มการซื้อ/ขายลดลงและความรุนแรงระหว่างไทย-กัมพูชาที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ครม. พิจารณาโครงการ TISA ในวันนี้เป็นปัจจัยหนุนต่อดัชนี มองกรอบดัชนีภาคบ่าย 1,257-1,275 จุด

ขณะที่ภาวะตลาดหุ้นภาคเช้า ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวก โดยมีแรงหนุนจาก ความคาดหวัง ครม. พิจารณาโครงการ TISA วันนี้ อีกทั้ง Fund Flow ที่ไหลกลับเข้ามา เป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติม แรงซื้อหลักอยู่ในหุ้น DELTA ซึ่งหนุนดัชนีราว +4 จุด อย่างไรก็ตามปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นปัจจัยกดดัน ทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นได้อย่างจำกัด โดยพักเที่ยงดัชนีปิดที่ 1,265.22 จุด บวก 3.83 จุด หรือ 0.30% มีมูลค่าการซื้อขาย
12,177 ล้านบาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง