รีเซต

GULF เมย์แบงก์เพิ่มราคาเป้าหมาย คาดกำไรปี 68-73 โตเฉลี่ย 8%

GULF เมย์แบงก์เพิ่มราคาเป้าหมาย คาดกำไรปี 68-73 โตเฉลี่ย 8%
ทันหุ้น
10 ธันวาคม 2568 ( 10:00 )
8

#GULF #ทันหุ้น-บล.เมย์แบงก์(ประเทศไทย) ได้ปรับเพิ่มคำแนะนำในหุ้นบริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เป็นซื้อ จากเดิมแนะนำถือ พร้อมทั้งปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 50 บาทจากเดิมที่ 45 บาท มองว่า GULF เป็นบริษัทที่มีพอร์ตโฟลิโอแข็งแกร่งและได้รับผลกระทบน้อยจากปัจจัยภายนอก เช่นความผันผวนของราคาพลังงานหรือค่าไฟฟ้าภายในประเทศ ขณะเดียวกันโครงการในมือที่มีศักยภาพช่วยสนับสนุนการเติบโตระยะยาว

นอกจากนี้เชื่อว่า GULF จะเป็นผู้ได้รับประโยชน์หลักจากการประมูลกำลังผลิตใหม่ของภาครัฐในปีหน้า ทั้งโครงการ Quick Big Win และแผน PDP ฉบับใหม่ที่กำลังจะประกาศใช้

ฝ่ายวิจัยได้ปรับเพิ่มประมาณการณ์กำไรปี 2568-2570 ขึ้น 25%, 28% และ 30% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนปัจจัยหลักได้แก่ การปรับลดสมมติฐานอัตราภาษีให้สอดคล้องกับอัตราจริงในงวด 9 เดือนแรกปีนี้ ที่ระดับ 11% รายได้ส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจากโครงการโรงไฟฟ้า Jackson จากราคาค่าความพร้อมจ่ายในตลาด PJM โดยฝ่ายวิจัยได้ปรับส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้น 32%, 37% และ 38% ในแต่ละปี, รายได้เงินปันผลจาก KBANK ซึ่งบริษัทถือหุ้น 4.5% คิดเป็นรายได้ประมาณ 1.2–1.4 พันล้านบาท และการทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการพลังงานหมุนเวียนใหม่รวม 1GW ทั้งของบริษัทเองและโครงการร่วมทุนในช่วงปี 2569-73

ฝ่ายวิจัยเมย์แบงก์ คาดการณ์ว่ากำไรหลักของ GULF ใน 5 ปีช่วงปี 2568-2573 จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 8% ภายใต้งานก่อสร้างกำลังผลิตใหม่รวมราว 2.6GWe ทั้งในโรงไฟฟ้าพลังานดั้งเดิมและพลังงานหมุนเวียน โดยคาดว่ากำไรหลักจะเติบโตปีละ 3–4% ในช่วงปี 2569-71 และเร่งตัวขึ้นเป็น 12–19% ต่อปีในช่วงปี 2572-73 จากการทยอยรับรู้รายได้จากกำลังผลิตใหม่ เช่น โครงการ Burapa IPP 210MWe โครงการโซลาร์และระบบกักเก็บพลังงาน BESS ในประเทศ 909 MWe โครงการโรงไฟฟ้าลมในประเทศ 300MWe และโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง 292 MWe

ข่าวที่เกี่ยวข้อง