ปปง. ยึด–อายัดทรัพย์เครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติกว่า 1 หมื่นล้าน

ปปง. ลุยตัดเส้นทางเงินเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติ ยึดทรัพย์ 289 รายการ รวมกว่า 10,165 ล้านบาท
คณะกรรมการธุรกรรม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีมติเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ให้ยึดและอายัดทรัพย์สินในคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 คดีใหญ่ หลังตรวจพบเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติที่เชื่อมโยงกันหลายชั้น ใช้วิธีฟอกเงินผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล บัญชีม้า และธุรกรรมหมุนเวียนระหว่างประเทศ โดยรวมทรัพย์สินที่ถูกยึดและอายัด 289 รายการ มูลค่ารวมประมาณ 10,165 ล้านบาท
คดีแรก เครือข่ายออนไลน์–ฟอกเงินผ่านสกุลเงินดิจิทัล
ปปง. ตรวจพบกลุ่มที่ใช้ฐานปฏิบัติการในต่างประเทศ ทำการฉ้อโกงออนไลน์ การค้ามนุษย์ และฟอกเงินผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล ในลักษณะไฮบริดสแกม หลอกเหยื่อหลายขั้นตอนให้โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร เส้นทางการเงินเชื่อมต่อระหว่างผู้เกี่ยวข้องหลายราย
ยึดทรัพย์ 102 รายการ มูลค่าราว 373 ล้านบาท เช่น ที่ดิน เงินสด สินค้าแบรนด์เนม และเครื่องประดับ
คดีที่สอง เครือข่ายสแกมเมอร์รายใหญ่ในกัมพูชาโยงทรัพย์สินในไทย
เจ้าหน้าที่พบศูนย์ปฏิบัติการในประเทศเพื่อนบ้าน อาคารหลายแห่งถูกใช้เป็นฐานดำเนินงาน มีระบบสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันธุรกรรม เพิ่มความยากในการตรวจสอบ เส้นทางเงินถูกเปลี่ยนสภาพเป็นทรัพย์สินต่าง ๆ ในประเทศไทย ผ่านบุคคลที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก
ยึดทรัพย์ 90 รายการ มูลค่าประมาณ 467 ล้านบาท ครอบคลุมที่ดินและเงินในบัญชีธนาคารหลายบัญชี
คดีที่สาม เครือข่ายฟอกเงินซับซ้อน ใช้บริษัทบังหน้าเชื่อมโยงหลายประเทศ
พบรูปแบบการหลอกลวงตรวจสอบบัญชี อ้างว่าผู้เสียหายเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ก่อนนำไปสู่การขยายผลพบเส้นทางธุรกรรมที่เชื่อมโยงกันหลายชั้น ทั้งบุคคลและนิติบุคคลจำนวนมาก มีการโอนเงินไปมาระหว่างบริษัทภายในไทยและต่างประเทศราวกับเป็นธุรกิจจริง ใช้โครงสร้างบริษัทซ่อนการถือครองทรัพย์สิน
ยึดทรัพย์ 66 รายการ มูลค่ารวม 9,279 ล้านบาท เช่น ที่ดิน ห้องชุด หลักทรัพย์ และเงินฝากจำนวนมาก ถือเป็นคดีที่มีมูลค่าสูงที่สุดในชุดนี้
คดีที่สี่ หลอกลงทุนผ่านแอปเทรด เปลี่ยนเงินเหยื่อเป็นเหรียญดิจิทัล
กรณีกลุ่มหลอกชวนลงทุนในหุ้นผ่านแอป ULELA Max โดยแสดงผลกำไรเกินจริงให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ จากการตรวจสอบพบว่าเงินถูกนำไปแปลงเป็นเหรียญ USDT และโอนไปยังกระเป๋าดิจิทัลที่โยงเครือข่ายข้ามชาติ
ยึดทรัพย์ 31 รายการ มูลค่าประมาณ 46 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเงินสดและเงินในบัญชี
ปปง. ระบุว่า ทั้ง 4 คดีมีจุดร่วมสำคัญคือการฟอกเงินข้ามพรมแดนผ่านธุรกรรมซับซ้อน การใช้บัญชีม้า และการแปลงเงินเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อซ่อนเส้นทางเงิน จึงจำเป็นต้องยึดทรัพย์เพื่อสกัดขบวนการ และดำเนินกระบวนการทางกฎหมายต่อไป หากพิสูจน์ได้ว่าทรัพย์เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด จะถูกริบเป็นของแผ่นดินและนำไปใช้เยียวยาผู้เสียหาย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
