PCEมาร์จิ้นดีไตรมาส4แรง น้ำมันปาล์มโต–ราคาฟื้น

#PCE #ทันหุ้น – PCE รับดีมานด์น้ำมันปาล์มโต–ราคาฟื้นตัว แถมไตรมาส 4/2568 ได้อานิสงส์ออเดอร์เลื่อนส่งออก ดันผลงานโตแรง พร้อมเดินเครื่องโรงสกัดเฟส 2 เพิ่มกำลังการผลิตรวม 3,600 ตันต่อวัน หนุนมาร์จิ้น–ส่งออกโตต่อเนื่อง ย้ำเป้ารายได้ปีนี้ 3 หมื่นล้านบาท ด้านโบรกประเมินโมเมนตัมกำไรไตรมาส 4/2568 จะเร่งขึ้นเป็นจุดสูงสุดของปี เคาะราคาเหมาะสม 2.80 บาท
นายกีรติ ไชยะกุล ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานบัญชีและการเงิน บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE ผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจร ที่มีความพร้อมการจัดการระบบซัพพลายเชน เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/2568 ทิศทางยังค่อนข้างทรงตัวและเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ ขณะที่ผลงาน 9 เดือน รายได้ยังสามารถเติบโตได้แบบ YoY แต่การเติบโตของอัตรากำไรอาจไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ซึ่งถูกกดดันจากการถัวเฉลี่ยของอัตรากำไรที่หายไปในช่วงไตรมาส 1/2568 เพราะว่าราคาน้ำมันปาล์มมีการปรับตัวลดลงเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ทิศทางราคาน้ำมันปาล์มในไตรมาส 3/2568 เริ่มมีการปรับตัวสูงขึ้น เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 34-35 บาท และเคยขึ้นไปสูงสุดเกือบ 36 บาท จากไตรมาส 2/2568 ที่เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 30-32 บาท โดยสาเหตุที่ราคาปรับตัวขึ้นส่วนใหญ่มาจากความต้องการในตลาดโลกที่มีความต้องการปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ
สวนทางกับการส่งออกน้ำมันปาล์มไปตลาดโลกลดลง จากมาเลเซียและอินโดนีเซียที่ป้อนน้ำมันปาล์มเข้าตลาดโลกลดลง เนื่องจากมีการปรับเพิ่มอัตราภาษีการส่งออก ขณะที่ประเทศไทยยังไม่มีการปรับอัตราภาษี ซึ่งเป็นข้อดีทำให้สามารถส่งออกและทำราคาแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดโลกได้
ประกอบกับมีประเด็นเรื่องน้ำมันถั่วเหลืองจากอาร์เจนตินา ที่เคยประกาศนโยบายยกเว้นภาษีส่งออก ทำให้ราคาปาล์มผันผวนตาม แต่ต่อมาอาร์เจนตินากลับไปใช้นโยบายเดิม ซึ่งกระทบต่อราคาปาล์มในตลาดโลก ทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น
*พร้อมเดินเครื่องโรงสกัด
ขณะที่ในไตรมาส 4/2568 ยังได้รับอานิสงส์จากการที่ลูกค้าออเดอร์ใหญ่ ขอเลื่อนการส่งออกน้ำมันปาล์มจากไตรมาส 3/2568 มาเป็นไตรมาสนี้แทน ประกอบกับจะมีการเริ่มดำเนินงานโรงสกัดน้ำมันปาล์ม เฟส 2 ในกลางเดือนตุลาคม 2568 และเริ่มเดินเครื่องอย่างเต็มรูปแบบได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2568 มีกำลังการผลิตประมาณ 1,800 ตันต่อวัน
เมื่อรวมกับกำลังการผลิตโรงงานเดิมอยู่ที่ 1,800 ตันต่อวัน จะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 3,600 ตันต่อวันและมีแผนขยายเฟส 3 เพิ่มเติมในกลางปี 2569 เพิ่มกำลังการผลิตอีกประมาณ 1,440 ตันต่อวัน ทำให้สามารถรองรับผลผลิตได้ประมาณ 5,040 ตันต่อวัน
ดังนั้นบริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ในปี 2568 ไว้ที่ 30,000 ล้านบาท และจะเน้นการเพิ่มอัตรากำไรให้มากขึ้นจากการปรับปรุงและเพิ่มรายการผลิต ซึ่งจะทำให้มีต้นทุนที่ถูกลงมากกว่าการซื้อน้ำมันดิบจากโรงสกัดอื่นๆ และเจรจากับโรงสกัดใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นเพื่อให้ได้ต้นทุนที่ถูกลง
*ส่งออกแนวโน้มดี
ขณะที่ทิศทางการส่งออกยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้น เนื่องจากอินเดียเป็นประเทศหลักที่มีดีมานด์การบริโภคน้ำมันปาล์มสูง แต่ปัจจุบันยังทะเลาะกับสหรัฐ เรื่องภาษีนำเข้า ทำให้ต้นทุนน้ำมันถั่วเหลืองสูงขึ้นและต้องหันกลับมาบริโภคน้ำมันปาล์มเป็นหลักเหมือนเดิม โดยการผลิตของไทยสามารถตอบสนองความต้องการของอินเดียได้
ถ้าหากราคาน้ำมันปาล์มเริ่มมีการปรับตัวลง จะทำให้สามารถส่งออกได้ง่ายขึ้นเพราะราคาจะสามารถสู้ตลาดโลกได้ ดังนั้นบริษัทจะเร่งเพิ่มปริมาณการส่งออกให้เพิ่มมากขึ้นเพื่อชดเชยมาร์จิ้นที่หายไป ส่วนปัญหาเรื่องบาทแข็งค่า บริษัทบริหารความเสี่ยงค่าเงินโดยการจองสัญญา Forward ทันทีที่เปิดสัญญา จึงไม่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าสำหรับออเดอร์ที่ได้เปิดไปแล้ว
*จับตา Q4/68 โตแรง
บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง PCE ว่า มีมุมมองเป็นกลางต่อแนวโน้มไตรมาส 3/2568 คาดประคองตัวยังไม่เด่นเพราะปริมาณผลปาล์มลดลงตามปัจจัยฤดูกาล อย่างไรก็ตามโมเมนตัมกำไรไตรมาส 4/2568 จะเร่งขึ้นเป็นจุดสูงสุดของปี จากการเปิดใช้งานโรงสกัด เฟส 2 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ ทำให้อัตรากำไรจะได้ประโยชน์จาก Yield สกัดน้ำมันปาล์มสูงขึ้น, ปริมาณจำหน่ายสินค้าใหม่ RBDPKO สำหรับอุตสาหกรรม Oleochemicals ที่มาร์จิ้นสูง, การเร่งจำหน่ายสินค้าแบรนด์รินทิพย์ผ่าน Modern Trade
ขณะที่ตลาดส่งออกครึ่งปีหลังยังแข็งแกร่ง โดยเฉพาะอุปสงค์จากอินเดียเพราะความขัดแย้งนโยบายภาษีสหรัฐ และส่วนต่างราคาน้ำมันถั่วเหลืองอยู่ในระดับสูง ทำให้ความต้องการนำเข้าน้ำมันปาล์มจากอินเดียสูงต่อเนื่อง จึงคงประมาณการกำไรปี 2568 ที่ 550 ล้านบาท คงคำแนะนำ TRADING ให้ราคาเหมาะสม 2.80 บาท
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
