รีเซต

ก้าวต่อไปหลังตัดสายโจร วิเคราะห์ผลลัพธ์การสยบภัยคอลเซ็นเตอร์ในไทย

ก้าวต่อไปหลังตัดสายโจร วิเคราะห์ผลลัพธ์การสยบภัยคอลเซ็นเตอร์ในไทย
TNN ช่อง16
4 พฤศจิกายน 2567 ( 17:23 )
25
ก้าวต่อไปหลังตัดสายโจร วิเคราะห์ผลลัพธ์การสยบภัยคอลเซ็นเตอร์ในไทย



สถานการณ์การหลอกลวงออนไลน์และคอลเซ็นเตอร์ในประเทศไทยยังคงเป็นปัญหารุนแรง โดยข้อมูลระหว่างมีนาคม 2565 ถึงกุมภาพันธ์ 2567 พบว่าคนไทยสูญเงินกว่า 59,138 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการหลอกซื้อขายสินค้าหรือบริการซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 41.94% รองลงมาคือการหลอกให้โอนเงินเพื่อทำงาน 12.85% และการหลอกให้กู้เงิน 10.95% ขณะที่การข่มขู่ผ่านคอลเซ็นเตอร์มีสัดส่วน 6.87%


การบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ นำโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และสมาคมธนาคารไทย ส่งผลให้สามารถระงับบัญชีม้าได้กว่า 1.1 ล้านบัญชี แต่มิจฉาชีพก็ได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์โดยหันมาใช้การจดทะเบียนนิติบุคคลเพื่อเปิดบัญชีธนาคารแทน ซึ่งพบว่ามีบัญชีม้านิติบุคคลถึง 602 บัญชี สร้างความเสียหายประมาณ 680 ล้านบาทในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา


ล่าสุด ผู้ให้บริการโทรคมนาคมอย่างทรู คอร์ปอเรชั่น ได้เปิดช่องทางพิเศษหมายเลข "9777" เพื่อรับแจ้งเบอร์ต้องสงสัยและ SMS หลอกลวง โดยมีขั้นตอนการใช้งานที่ครอบคลุมหลายรูปแบบการหลอกลวง เริ่มจากการกด 1 สำหรับแจ้งเบอร์ต้องสงสัย ซึ่งผู้ใช้จะต้องยืนยันตัวตนผ่าน OTP ก่อนแจ้งเบอร์ต้องสงสัย หรือกด 2 สำหรับแจ้ง SMS มิจฉาชีพ โดยระบบจะส่งลิงก์ให้แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมและดำเนินการผ่าน MARI Chatbot และกด 3 สำหรับการบล็อก Spam iMessage พร้อมคำแนะนำการใช้แอป Whoscall


หลังจากได้รับการแจ้งเหตุ ทีมวิศวกรจะใช้เวลาตรวจสอบและแจ้งผลกลับผ่าน SMS ภายใน 72 ชั่วโมง โดยหากพบว่าเป็นเบอร์มิจฉาชีพจะดำเนินการบล็อกทันทีและส่งข้อมูลต่อให้ กสทช. และตำรวจไซเบอร์ พร้อมทั้งแจ้งข้อมูลให้แอปพลิเคชัน Whoscall เพื่อเพิ่มในระบบแจ้งเตือน แต่หากตรวจสอบแล้วไม่พบความผิดปกติก็จะแจ้งกลับให้ผู้ใช้ทราบเช่นกัน


มาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการป้องกัน 10 ข้อของทรู ซึ่งรวมถึงการปิดเสาสัญญาณตามแนวชายแดน การใช้ AI วิเคราะห์ความเสี่ยงของซิมการ์ด และการควบคุมคู่ค้าอย่างเข้มงวด ผลจากการดำเนินการทั้งหมดนี้ส่งผลให้มูลค่าความเสียหายจากคดีออนไลน์ในเดือนกันยายน 2567 ลดลงเหลือ 1,974 ล้านบาท คิดเป็นการลดลง 44% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 6 เดือนแรกของปีที่ 3,514 ล้านบาทต่อเดือน


การบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการตัดวงจรอาชญากรรมทั้งด้านการเงินและการสื่อสาร รวมถึงการเพิ่มช่องทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและแจ้งเหตุ นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการป้องกันภัยไซเบอร์ของประเทศ เพื่อสร้างความปลอดภัยและความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืน



ภาพ TNN 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง