รีเซต

PTTGCโตมาร์จิ้นขึ้น ฉลาดล้ำปั้นเน็ตซีโร่

PTTGCโตมาร์จิ้นขึ้น ฉลาดล้ำปั้นเน็ตซีโร่
ทันหุ้น
21 กุมภาพันธ์ 2566 ( 07:13 )
43

#PTTGC #ทันหุ้น – PTTGCตั้งเป้าปริมาณขายปีนี้โต 15% รับรู้ Allnex เต็มปี โอกาสซินเนอร์ยี่เพิ่ม คาดEBITDA โตเฉลี่ยปีละ 4% ถึงปี 2570 ส่วนปีนี้ตั้งงบลงทุน 1 หมื่นล้านบาท ขยายการลงทุนตามแผน เล็งลงทุนเม็ดพลาสติกรีไซเคิล ในสหรัฐต่อยอดเติบโต ส่วนแผน Net Zero ตั้งเป้าใช้เงินลงทุน 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” บริษัทตั้งเป้าปริมาณการขายปี 2666 เติบโต 15% จากปีก่อนโดนปีนี้จะรับรู้ผลประกอบการของ Allnex เข้ามาเต็มปี และคาดว่าจะเห็นผลการดำเนินงานดีขึ้นจากปีก่อน รวมไปถึงการรับรู้ รวมปถึงการรับรู้ผลประกอบการ วีนิไทย หรือ VNT  เข้ามาสนับสนุน (PTTGC มีการถือหุ้นราว 35%)

 

ขณะที่มาร์จิ้นของผลิตภัณฑ์น่าจะดีขึ้นจากปีก่อน ทั้งในส่วนของ อะโรเมติกส์, พอลิเมอร์ เป็นต้น สอดคล้องกับอุตสาหกรรมปลายทางที่ฟื้นตัวดีขึ้น เช่น ยานยนต์, สิ่งทอ, บรรจุภัณฑ์ และก่อสร้าง สำหรับธุรกิจโรงกลั่น สามารถเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิต หลังปิดซ่อมบำรุงไปเมื่อปีที่ผ่านมา

 

@EBITDA เติบโตปีละ 4%

 

บริษัทคาดว่า EBITDA จะสามารถเติบโตได้ ปีละ 4% ต่อเนื่อง ถึงปี 2573 หรือปี 2030 และโอกาสจะเห็นการSynergy กับ Allnex เข้ามาต่อเนื่อง รวมไปถึงการขยายโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ส่วนปีนี้ วางไว้ที่ 10,000 ล้านบาท ใช้รองรับการขยายการลงทุนตามแผน แบ่งเป็น 1. โครงการปรับปรุงโรงโอเลฟินส์หน่วยที่ 2 ให้สามารถใช้โพรเพนเป็นวัตถุดิบในการผลิตได้เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ของ GC ในการเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้วัตถุดิบและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว คาดว่าเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 1/2566

 

2. โครงการขยายกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกโพลิโพรพิลีนสายการผลิตที่ 4 กำลังการผลิต 250,000 ตันต่อปี 3. โครงการก่อสร้างโรงงานไบโอพลาสติก PLA แห่งที่ 2 กำลังการผลิต 75,000 ตันต่อปี ของบริษัท NatureWorks ที่จังหวัดนครสวรรค์ คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 67 4. โครงการผลิตพลาสติกวิศวกรรมชั้นสูง ของบริษัท Kuraray GC Advanced Material (KGC) ที่ GC ร่วมทุนกับ Sumitomo เริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 1/2566 เพื่อผลิต High Heat Resistant Polyamide-9T (PA-9T) จำนวน 13,000 ตันต่อปี และ Hydrogenated Styrenic Block Copolymer (HSBC) จำนวน 16,000 ตันต่อปี นับเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เพื่อรองรับเมกะเทรนด์โลก

 

พร้อมกันนี้ บริษัทเดินหน้าในกลุ่ม ธุรกิจรีไซเคิล ปัจจุบันได้มีการศึกษาลงทุนในโครงการเม็ดพลาสติกรีไซเคิลในสหรัฐอเมริกา คาดว่าจะเห็นการตัดสินใจการลงทุนได้ในปีนี้ รวมไปถึงรูปแบบในการลงทุนด้วย โดยมองว่า การลงทุนในสหรัฐขณะนี้ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในโลก จึงมองเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน ทั้งนี้งบลงทุนดังกล่าวไม่รวมสำหรับการการซื้อกิจการ (M&A)แต่ปีนี้จะไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่เหมือน Allnex แล้ว

 

@เดินเกมลดคาร์บอน

 

ดร.คงกระพัน กล่าวด้วยว่า การเติบโตของธุรกิจ จะต้องควบคู่ไปกับการลดการปลดปล่อยคาร์บอน ซึ่งบริษัทมี Roadmap เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายลดการปลดปล่อยคาร์บอนในปี 2573  ผ่านการดำเนินงานใน 3 เรื่อง ได้แก่

 

1. Efficiency-Driven ดำเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานหลากหลายโครงการ เช่น โครงการอนุรักษ์พลังงาน โครงการ Maptaphut Integration (MTPi) โครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยการใช้พลังงานทดแทน เป็นต้น

 

2. Portfolio-Driven เดินหน้าปรับสัดส่วนธุรกิจมุ่งสู่ธุรกิจที่มีการปล่อยคาร์บอนต่ำ โดยการลงทุนในธุรกิจกลุ่ม High Value Business (HVB) และธุรกิจที่สอดคล้องกับหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน พร้อมแสวงหาโอกาสในการสร้าง Synergy (Leverage Synergy) ให้เกิดมูลค่าสูงสุดจากธุรกิจ ตลาด และเทคโนโลยี เช่น Allnex ที่ PTTGC ได้เข้าซื้อกิจการ ซึ่งมีความสามารถในการทำกำไรในระดับสูง และสนองตอบความต้องการของผู้บริโภคภายใต้ Megatrends โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม หรือ HVP เพิ่มเป็น 56% ในปี 2573 จากปี 2565 อยู่ที่  36%

 

3. Compensation-Driven ดำเนินโครงการฟื้นฟูและเสริมสร้างสมดุลของระบบนิเวศของป่าร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคสังคมรวมถึงชุมชนต่างๆ อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2556 บนพื้นที่รวมกว่า 2,500 ไร่ อาทิ โครงการปลูกป่านิเวศระยองวนารมย์ จำนวน 80 ไร่ ตามหลักการ Eco Forest และสร้างความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย และลงทุนใน Corporate Venture Capital (CVC) เพื่อเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรม Carbon Capture Utilization and Storage (CCUS) ในการดักจับและกักเก็บคาร์บอนในชั้นบรรยากาศ อย่างไรก็ดีบริษัทเชื่อว่า การมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.7 แสนล้านบาท เพื่อให้ถึงเป้าหมายปี 2050

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง