ผลตรวจสุขภาพ "ไบเดน" แข็งแรง ฟิตพอเป็นปธน.ในวัย 80
นายแพทย์ เควิน โอคอนเนอร์ แพทย์ประจำทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ประกาศผลการตรวจสุขภาพผู้นำสหรัฐฯ ล่าสุดเมื่อวานนี้ (16 ก.พ.) ว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน วัย 80 ปี มีสุขภาพแข็งแรง เพียงพอสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ประธานาธิบดี และสามารถปฏิบัติงานตามความรับผิดชอบทั้งมวลได้อย่างเต็มที่
เมื่อวานนี้ ประธานาธิบดีไบเดนเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีเป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่ขึ้นเป็นผู้นำสหรัฐฯ ในเดือนมกราคมปี 2521 เป็นต้นมา สถานที่ตรวจคือศูนย์แพทย์ทหารแห่งชาติวอลเตอร์ รีด ในย่านบีเธสดา ชานกรุงวอชิงตันดีซี ใช้เวลาตรวจนาน 3 ชั่วโมง
นายแพทย์โอคอนเนอร์เปิดเผยว่า แพทย์ได้ทำการกำจัดติ่งเนื้อเล็ก ๆ หลายติ่งออกจากใบหน้าและศีรษะของไบเดนโดยใช้ไนโตรเจนเหลว และตัด "รอยโรค" (lesion) ขนาดเล็ก หมายถึงเนื้อเยื่อผิดปกติ ออกจากหน้าอกของเขาด้วย และนำส่งตรวจตามปกติ ผลการตรวจชิ้นเนื้อดังกล่าวยังไม่ออกมา
นอกจากนี้ ไบเดนยังปลอดจากอาการลอง โควิด หรืออาการเรื้อรังหลังหายจากโควิด-19 โดยไบเดนติดเชื้อโควิด-19 เมื่อปีที่แล้ว
ส่วนอาการหลังตึงแข็งของไบเดน นายแพทย์โอคอนเนอร์บอกว่า เป็นผลจากภาวะกระดูกสันหลังอักเสบ ยังไม่หายแต่ไม่ได้แย่ลงในปีที่ผ่านมา
ในรายงานสรุปผลการตรวจสุขภาพไบเดนระบุว่า ไบเดนรับประทานยาประจำหลายตัว คือยาลดระดับคอเลสเตอรอล ยาป้องกันการเกิดลิ่มเลือดสำหรับภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (atrial fibrillation) แต่ยังไม่ปรากฏอาการ ยารักษาโรคภูมิแพ้ตามฤดูกาล และยาแก้อาการกรดไหลย้อน ไบเดนไม่ดื่มแอลกอฮอล์และไม่สูบบุหรี่
เขามีน้ำหนักลดลง 2.72 กิโลกรัม จากเดิม 83.46 กิโลกรั ในปี 2021 ทำให้น้ำหนักล่าสุดอยู่ที่ 80.7 กิโลกรัม ทำให้ดัชนีมวลกายลดลงอยู่ที่ 24.1 จากเดิม 25.0 ในปี 2021 ความดันโลหิตสูงขึ้นเล็กน้อยที่ 126-78 เทียบกับ ในปี 2021 ที่มีความดันโลหิต 120/70
ในรายงานการตรวจสุขภาพดังกล่าว ไม่ได้กล่าวถึงว่าไบเดนรับการตรวจด้วยแบบทดสอบประเมินภาวะสมองเสื่อมด้วยหรือไม่
ด้านไบเดนกล่าวว่า ร่างกายของเขาแข็งแรงดี ทุกอย่างไปได้ดี
ไบเดนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีอายุมากที่สุด อายุของเขาเป็นประเด็นที่ทำให้คนจับตาผลตรวจสุขภาพและทำให้ประชาชนกังวล
ผลสำรวจความคิดเห็นชาวอเมริกันล่าสุดระหว่างวันที่ 6-13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาของรอยเตอร์/อิปซอส พบว่า ราว 3 ใน 4 ของชาวอเมริกัน คิดว่า ไบเดนแก่เกินจะทำงานในรัฐบาล หากชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งหน้าในปี 2024 และต้องบริหารประเทศต่อไปอีก 4 ปี.
โดยกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ที่ตอบแบบสอบถาม เป็นผู้นิยมในพรรคเดโมแครตส์ของไบเดนเอง