ออกกำลังกายไปร่างกายก็ไม่แข็งแรง หากอากาศยังเต็มไปด้วยมลพิษ

งานวิจัยล่าสุดเผยแพร่ในวารสาร BMC Medicine ระบุว่าการออกกำลังกายช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ได้ แต่หากออกกำลังกายและสัมผัสมลพิษทางอากาศในระดับสูงจะส่งผลเสียต่อสุขภาพและเสี่ยงต่อการเกิดโรครุนแรง ข้อมูลนี้วิเคราะห์จากการติดตามและประเมินความสัมพันธ์ระหว่างการออกกำลังกาย มลพิษทางอากาศ และความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต โดยกลุ่มตัวอย่างมากกว่า 1.5 ล้านคน ในหลายประเทศ ทั้งสหราชอาณาจักร เดนมาร์ก สหรัฐอเมริกา ไต้หวัน และจีน เป็นระยะเวลานานกว่า 10 ปี
ผลการวิจัยยืนยันว่า ผู้ที่ออกกำลังกายระดับปานกลางถึงหนักอย่างน้อย 2.5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ มีความเสี่ยงเสียชีวิตต่ำกว่าผู้ที่ออกกำลังกายน้อยถึงร้อยละ 30 แต่หากออกกำลังกายในพื้นที่ที่มีฝุ่น PM2.5 มากกว่า 25 มคก./ลบ.ม. ประโยชน์จากการออกกำลังกายจะลดลง ความเสี่ยงดังกล่าวจะเหลือเพียงร้อยละ 12-15 เท่านั้น และหากระดับมลพิษสูงกว่า 35 มคก./ลบ.ม.ประโยชน์จากการออกกำลังกายก็จะลดลงไปอีก โดยเฉพาะด้านการป้องกันโรคหัวใจและมะเร็ง
ต้นกำเนิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ส่วนใหญ่มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ท่อไอเสียของรถยนต์ และการเผาขยะ อนุภาคขาดเล็กเหล่านี้สามารถเข้าสู่กระแสเลือด และเข้าลึกได้ถึงสมอง และจะส่งผลต่อระบบหัวใจ ทางเดินหายใจ ปอด และสมองได้ โดยงานวิจัยก่อนหน้านี้มีการเชื่อมโยงระหว่างมลพิษทางอากาศกับโรคระบบประสาท เช่นพาร์กินสัน และภาวะสมองเสื่อมอีกด้วย แม้กระทั่งการออกกำลังกายในที่ร่ม หรือพื้นที่ปิด แต่หากมีต้นตอการเกิดฝุ่นอยู่ก็จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพเช่นกัน
แม้ว่างานงานวิจัยจะสะท้อนให้เห็นว่า การออกกำลังกายท่ามกลางมลพิษในอากาศจะส่งผลเสียต่อร่างกายมากกว่าผลดี แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องหยุดออกกำลังกายกลางแจ้ง ควรเน้นไปที่การปรับลดความหนักของการออกกำลังกายลงในวันที่คุณภาพอากาศอยู่ในระดับต่ำ หรือเลือกเส้นทางการออกกำลังกายที่ห่างไกลจากแหล่งกำเนิดควันได้ อย่างไรก็ตามการออกกำลังกายและอากาศสะอาดเป็นสองปัจจัยที่ต้องมีควบคู่กัน เพื่อสร้างสังคมที่มีสุขภาพดีในระยะยาว
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
