“ผึ้งไร้เหล็กใน” แห่งแอมะซอน ได้รับสิทธิคุ้มครองทางกฏหมาย เป็นครั้งแรกของโลก!

“ผึ้งไร้เหล็กใน” จากป่าฝนแอมะซอน กลายเป็นแมลงกลุ่มแรกของโลกที่ได้รับการรับรอง “สิทธิทางกฎหมาย” อย่างเป็นทางการ หลังหน่วยงานท้องถิ่นในประเทศเปรูออกกฎหมายคุ้มครอง หวังจุดประกายให้เกิดมาตรการลักษณะเดียวกันเพื่อปกป้องผึ้งในพื้นที่อื่นทั่วโลก
กฎหมายดังกล่าวทำให้ผึ้งพื้นเมืองของแอมะซอน ซึ่งแตกต่างจากผึ้งน้ำผึ้งยุโรปตรงที่ ไม่มีเหล็กใน มี “สิทธิในการดำรงอยู่และเจริญเติบโต” ครอบคลุมพื้นที่กว้างของป่าแอมะซอนในเปรู หลังถูกมองข้ามมาอย่างยาวนาน
ผึ้งไร้เหล็กในถูกเลี้ยงและใช้ประโยชน์โดยชนพื้นเมืองตั้งแต่ยุคก่อนโคลัมบัส นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าพวกมันเป็นหนึ่งในแมลงผสมเกสรที่สำคัญที่สุดของป่าฝน มีบทบาทค้ำจุนความหลากหลายทางชีวภาพและสุขภาพของระบบนิเวศ แต่ปัจจุบันกำลังเผชิญภัยคุกคามซ้อนทับ ทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การตัดไม้ทำลายป่า สารเคมีทางการเกษตร และการแข่งขันจากผึ้งยุโรป
“คอนสตันซา ปริเอโต” ผู้อำนวยการภูมิภาคลาตินอเมริกาของ Earth Law Center ระบุว่า กฎหมายฉบับนี้คือ “จุดเปลี่ยนของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ” เพราะทำให้ผึ้งไร้เหล็กในได้รับการยอมรับในฐานะสิ่งมีชีวิตที่มีสิทธิ และตอกย้ำบทบาทสำคัญของพวกมันต่อการคงอยู่ของระบบนิเวศ
กฎหมายประวัติศาสตร์นี้ได้ผ่านแล้วใน 2 พื้นที่ของเปรูในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา จากการรณรงค์และการวิจัยของ “โรซา บาสเกซ เอสปีโนซา” นักชีวเคมีและผู้ก่อตั้ง Amazon Research Internacional ซึ่งเดินทางเข้าสู่ป่าแอมะซอนหลายปี เพื่อทำงานร่วมกับชนพื้นเมืองในการบันทึกข้อมูลผึ้งไร้เหล็กใน
“เอสปีโนซา” เริ่มศึกษาผึ้งกลุ่มนี้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 หลังถูกขอให้วิเคราะห์น้ำผึ้งที่ใช้เป็นยาพื้นบ้านในช่วงการระบาดของโควิด-19 ผลการวิเคราะห์เผยให้เห็นสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจำนวนมาก ทั้งต้านการอักเสบ ต้านไวรัส ต้านแบคทีเรีย ต้านอนุมูลอิสระ และแม้แต่สารที่อาจมีคุณสมบัติต้านมะเร็ง
ผึ้งไร้เหล็กในพบได้ในเขตร้อนทั่วโลก และถือเป็นผึ้งสายพันธุ์เก่าแก่ที่สุดของโลก ในจำนวนสายพันธุ์ที่รู้จักราว 500 ชนิด เกือบครึ่งหนึ่งอาศัยอยู่ในแอมะซอน และมีบทบาทผสมเกสรกว่า 80% ของพืชในพื้นที่ รวมถึงพืชเศรษฐกิจอย่างโกโก้ กาแฟ และอะโวคาโด
สำหรับชนพื้นเมืองอย่างเผ่าอาชานิงกา และคูคามา-คูคามิเรีย ผึ้งไร้เหล็กในมีคุณค่าทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณอย่างลึกซึ้ง “ผึ้งไร้เหล็กในมีองค์ความรู้ดั้งเดิมที่สืบทอดจากบรรพบุรุษ สะท้อนการอยู่ร่วมกันของเรากับผืนป่า” ผู้นำชุมชนกล่าว
อย่างไรก็ตาม ชุมชนท้องถิ่นเริ่มสังเกตว่าผึ้งไร้เหล็กในหายากขึ้นอย่างชัดเจน จากเดิมเดินเข้าป่าเพียงครึ่งชั่วโมงก็พบ แต่ปัจจุบันต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง นอกจากนี้ นักวิจัยยังตรวจพบสารกำจัดศัตรูพืชปนเปื้อนในน้ำผึ้ง แม้พื้นที่เลี้ยงจะอยู่ห่างจากเกษตรอุตสาหกรรมก็ตาม
อีกหนึ่งภัยคุกคามสำคัญคือการแข่งขันจาก “ผึ้งแอฟริกันไนซ์” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ผึ้งนักฆ่า” ซึ่งเป็นผลจากการทดลองผสมพันธุ์ในบราซิลช่วงทศวรรษ 2490 เพื่อเพิ่มผลผลิตน้ำผึ้ง แต่กลับได้ผึ้งที่ก้าวร้าว และแย่งถิ่นอาศัยของผึ้งไร้เหล็กใน เหตุการณ์หนึ่งในเขตสงวนชีวมณฑล Avireri Vraem ทางตอนใต้ของเปรู สะท้อนปัญหานี้อย่างชัดเจน เมื่อผึ้งนักฆ่าเข้ายึดพื้นที่เลี้ยงผึ้งของหญิงชราชนพื้นเมือง จนเธอไม่สามารถเข้าไปดูแลได้เพราะถูกโจมตีอย่างรุนแรง
พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเทศบาลซาติโป ซึ่งเป็นแห่งแรกที่ออกกฎหมายในเดือนตุลาคม พ.ศ.2568 รับรองสิทธิของผึ้งไร้เหล็กใน ให้มีสิทธิในการดำรงอยู่ มีประชากรที่แข็งแรง มีถิ่นอาศัยที่ปลอดมลพิษ สภาพภูมิอากาศที่เหมาะสม และมีตัวแทนทางกฎหมายในกรณีถูกคุกคามหรือทำอันตราย ต่อมาเทศบาลนาวตา ในแคว้นโลเรโต ก็ผ่านกฎหมายลักษณะเดียวกันเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม
กฎหมายนี้ถือเป็นแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลก และจะนำไปสู่การกำหนดนโยบายฟื้นฟูป่า การควบคุมการใช้สารเคมีอย่างเข้มงวด การรับมือผลกระทบจากโลกร้อน การส่งเสริมงานวิจัย และการใช้หลักป้องกันไว้ก่อนในการตัดสินใจทุกด้านที่อาจกระทบต่อการอยู่รอดของผึ้งไร้เหล็กใน
ผู้นำชนพื้นเมืองย้ำว่า ผึ้งไร้เหล็กในไม่เพียงให้อาหารและยา แต่ยังเป็นหัวใจของผืนป่า กฎหมายคุ้มครองสิทธิผึ้งจึงเป็นก้าวสำคัญ ที่สะท้อนคุณค่าความรู้ของชนพื้นเมือง และช่วยปกป้องป่าฝนให้คงอยู่ต่อไปในอนาคต
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
