กบข.ตั้งเป้า AUM แตะ 1.6 ล้านล้าน ปรับพอร์ตสะสมหุ้นSET50FF

#กบข. #ทันหุ้น - กบข. ชี้การลงทุนในปี 2568 มองว่ายังมีความผันผวนเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว จึงต้องพิจารณาประเภทของสินทรัพย์ที่ลงทุน, ประเทศที่ลงทุน, ความเสี่ยงของสินทรัพย์ที่ลงทุน และอัตราแลกเปลี่ยนของสินทรัพย์ที่ลงทุ ทั้งนี้ได้มีการปรับสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้น โดยลงทุนหุ้นใน SET50FF เน้นเลือกหุ้นเป็นรายตัว ซึ่งหุ้นไทยถือว่าอยู่ในระดับที่ราคาถูกจึงเป็นโอกาสในการเข้าสะสม รวมถึงตั้งเป้ารวมมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ เติบโตขึ้นแตะ 1.6 ล้านล้านบาท ภายในปี 2569 และสร้างผลตอบแทนระยะยาวมากกว่าเงินเฟ้อเฉลี่ย 10 ปี ให้เพิ่มขึ้น 2%
นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า สำหรับการลงทุนในปี 2568 กบข. มองว่าจะมีความผันผวนมากกว่าปี 2567 จากความผันผวนในตลาดทุน ประกอบกับมีทางเลือกในการลงทุนมากขึ้น ซึ่งปัจจัยหลักที่ใช้ในการลงทุน ได้แก่ ประเภทของสินทรัพย์ที่ลงทุน, ประเทศที่ลงทุน, ความเสี่ยงของสินทรัพย์ที่ลงทุน และอัตราแลกเปลี่ยนของสินทรัพย์ที่ลงทุน
@ลงทุนในดัชนี SET50FF
ในส่วนของการลงทุนหุ้นไทย กบข.ได้ปรับเพิ่มสัดส่วนการลงทุนหุ้นไทยเพิ่มขึ้นเป็นระยะๆ จากปี 2566 ที่มีสัดส่วนการลงทุน 4% รวมถึงปรับเพิ่มขึ้นอีกในปี 2567 และจะทยอยปรับเพิ่มขึ้นอีกในปี 2568 ซึ่งไม่ได้ซื้อหุ้นไทยเป็น “ตะกร้า” แต่จะเน้นการลงทุนในหุ้นรายตัว โดยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่มีคุณลักษณะที่ดี มีการเติบโต มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง และประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมที่เติบโต
ทั้งนี้ในปีที่แล้ว กบข. ได้ปรับดัชนีอ้างอิง (benchmark) เป็น SET50FF จากเดิมที่ใช้ SET50 เพื่อลดความผันผวนของพอร์ต และทำให้สามารถทำผลตอบแทนแทนชนะตลาดได้ โดยเน้นหุ้นในอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับการเติบโตของประเทศ เกี่ยวกับการใช้จ่าย การเดินทาง การรักษาพยาบาล การท่องเที่ยว ซึ่งหุ้นไทยถือว่าอยู่ในระดับที่ราคาถูกจึงเป็นโอกาสในการเข้าสะสม
@กระจายลงทุน
โดยไม่ได้ซื้อเฉพาะหุ้นที่ซื้อขายในกระดานเท่านั้น แต่เลือกลงทุนใน Private Investment หรือ Private Equity ขณะที่ กบข. ประเมินเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวที่ 2.10% ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) อาจปรับลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ด้านเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะขยายตัวในช่วง 2.4-2.8% ดังนั้น กบข. มีมุมมองเชิงบวกต่อสินทรัพย์กลุ่มเติบโต (Growth Assets) โดยให้ความสำคัญกับการลงทุนในหุ้นตลาดพัฒนาแล้ว พร้อมกระจายการลงทุนไปยังตราสารหนี้เพื่อลดความผันผวน
ขณะเดียวกัน ทองคำยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจ แต่ต้องลงทุนอย่างระมัดระวัง และ กบข. ยังคงติดตามปัจจัยเสี่ยงจากนโยบายการคลังและภาวะเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด พร้อมปรับกลยุทธ์การลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืนให้แก่สมาชิก
@เงินไม่พอเกษียณ
นอกจากนี้ กบข. ยังได้ศึกษาความเพียงพอ ณ เกษียณของสมาชิก กบข. พบว่า 82% จากสมาชิก 1.2 ล้านราย มีโอกาสที่จะไม่บรรลุเป้าหมายความเพียงพอ ณ เกษียณในระดับดี ปัจจัยหลักมาจากอายุขัยเฉลี่ยที่ยืนยาวขึ้นถึง 80 ปี หนี้สินเฉลี่ยของสมาชิกวัยใกล้เกษียณ (55-60 ปี) สูงถึง 1.95 ล้านบาทต่อคน และค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2% ต่อปี
โดย กบข. เตรียมเดินหน้าส่งเสริมทักษะทางการเงินร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร และจัดกิจกรรมทั่วประเทศ เพื่อสื่อสารกระตุ้นให้สมาชิกออมเพิ่ม และเปลี่ยนแผนการลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ หรือเลือกเปลี่ยนแผนการลงทุนมาอยู่ในแผนสมดุลตามอายุ เพื่อเพิ่มโอกาสให้สมาชิกสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงิน มีคุณภาพชีวิตที่มั่นคงหลังเกษียณ และเกษียณอย่างมีสุข
@ตั้งเป้า AUM แตะ 1.6 ล้านล.
อย่างไรก็ดีกบข. ได้ตั้งเป้ารวมมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (AUM) เติบโตขึ้นแตะ 1.6 ล้านล้านบาท ภายในปี 2569 จากการที่สมาชิกออมเงินเพิ่มขึ้นและมีผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่ง กปข. มีความตั้งใจที่จะสร้างผลตอบแทนระยะยาวมากกว่าเงินเฟ้อเฉลี่ย 10 ปี ให้เพิ่มขึ้น 2% เพื่อสร้างความมั่นคงให้สมาชิก
ทั้งนี้ยังได้ติดตามสถานการณ์การลงทุนทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด พร้อมปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก อาทิ การเติบโตของหุ้นเทคโนโลยีจากกระแส AI First ราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นจากแรงซื้อของธนาคารต่างๆ และแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ ปรับลดลง ซึ่ง กบข. ได้ปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด กระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท เช่น หุ้นประเทศพัฒนาแล้ว หุ้นตลาดเกิดใหม่ ตราสารหนี้ และทองคำ
โดย ณ สิ้นปี 2567 กบข. มีขนาดกองทุนใหญ่ขึ้น 1.06 แสนล้านบาท รวมมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (รวมเงินสำรอง) ที่ประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท สามารถสร้างผลตอบแทนแผนสมดุลตามอายุ (สัดส่วนใหม่) 8.93% แผนทองคำ 24.67% แผนหลัก 3.73% ซึ่งกบข. สามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมายผลตอบแทนการลงทุนระยะยาวชนะอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลัง เพิ่มขึ้น 2%