เซ่นพิษสินค้าจีน "พานาโซนิค" กำไรวูบ ยอดขายดิ่ง ปลดคน 10,000 ตำแหน่ง

"พานาโซนิค" ปรับโครงสร้างองค์กร - ปลดคนครั้งใหญ่
สื่อของญี่ปุ่นรายงานว่า "พานาโซนิค โฮลดิงส์" บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่น
วางแผนที่จะเลิกจ้างพนักงานประมาณ 10,000 คน หรือประมาณ 5 % ของพนักงานทั่วโลก
เป็นความต้องการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ โดยเน้นไปที่การตัดธุรกิจที่ไม่ทำกำไร
ข้อมูลระบุว่าจะมีการเอาคนออก หรือ เลิกจ้างพนักงาน
แบ่งเป็นในญี่ปุ่น 5,000 ตำแหน่ง และทั่วโลกอีก 5,000 ตำแหน่ง
ซึ่งกระบวนลดพนักงานนี้ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นภายในปีงบประมาณ
ที่จะสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2026
ผ่านมาตรการต่าง ๆ เช่น โครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด
โดยส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายขายและฝ่ายบริหาร
โดยพานาโซนิคตั้งเป้าที่จะทุ่มทรัพยากรมากขึ้นในการบริการที่ใช้ AI สำหรับลูกค้าของบริ0ษัท
พร้อมกันนี้ทางบริษัทกำลังพิจารณาขายธุรกิจโทรทัศน์
และแยกหน่วยงานที่เชี่ยวชาญด้านเครื่องใช้ในบ้าน เครื่องปรับอากาศ และระบบไฟ
นายคูซูมิ ยูกิ ประธานกรรมการบริหารหรือ CEO ของพานาโซนิค
กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 9 พฤษภาคม 2568
ระบุว่า เขาต้องการเพิ่มกำไรให้มากกว่าพันล้านดอลลาร์จนถึงปีงบประมาณ 2569
และต้องการทำให้บริษัทมีความ “คล่องตัวมากขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น
และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น”
ต่อสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
และยังกล่าวอีกว่าเขาจะยอมสละค่าตอบแทนประจำปีของเขาประมาณ 40 % ในปีงบประมาณนี้ด้วย
พานาโซนิคยังประกาศผลการคาดการณ์รายได้สำหรับปีงบประมาณปัจจุบัน
โดยคาดว่ายอดขายจะลดลงมากกว่า 7 % เหลือประมาณ 53,700 ล้านดอลลาร์
หรือประมาณ 1.77 ล้านล้านบาท
กำไรสุทธิจะลดลงมากกว่า 15 % เหลือ 2,100 ล้านดอลลาร์ หรือราว 69,000 ล้านบาท
ทั้งนี้พานาโซนิคมีปัญหาผลกำไรตกต่ำมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ย้อนกลับไปช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานต่อปีอยู่ในช่วง 3.4% – 5% เท่านั้น
ซึ่งเป็นตัวเลขที่ตามหลังคู่แข่งสัญชาติญี่ปุ่นด้วยกันทั้ง Sony และ Hitachi
สถานการณ์นี้ยังสะท้อนผ่านราคาหุ้นของ Panasonic ที่เพิ่มขึ้นเพียง 3%
เมื่อเทียบกับทศวรรษที่แล้ว
สวนทางกับดัชนี Nikkei Stock Average ที่เพิ่มขึ้นถึง 85%
และคู่แข่งอย่าง Hitachi และ Sony ที่เติบโตถึง 379% และ 414% ตามลำดับ
นายคูซูมิ ยูกิ กล่าวว่า เมื่อเทียบตัวเองกับบริษัทอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน
ที่ต่างก็ได้มีการปรับโครงสร้างไปแล้วนั้น พบว่าอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขาย ค่าใช้จ่ายทั่วไป
และค่าใช้จ่ายในการบริหารของพานาโซนิคยังคงอยู่ในระดับ “สูงเป็นพิเศษ”
"เพื่อการแข่งขันในอนาคต"
ดังนั้นเพื่อการเตรียมความพร้อมเดินหน้าธุรกิจระยะยาว 10 – 20 ปี ข้างหน้า
และเสริมศักยภาพการทำกำไรให้สามารถกลับมาไล่ล่าการเติบโตได้อีกครั้ง
จึงจำเป็นต้องยกเครื่องโครงสร้างต้นทุนคงที่อย่างเร่งด่วน
ด้วยการควบรวมแผนกขายและกลุ่มงานหลังบ้านหรือ backoffice
ของแต่ละบริษัทในเครือ พร้อมกับลดการลงทุน หรือยกเลิกธุรกิจที่ไม่ทำกำไร
การปรับครั้งนี้ เพื่อเอาชีวิตรอดในสงครามสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
นายคูซูมิ ยูกิ กล่าวว่า “การลดจำนวนพนักงานเป็นสิ่งจำเป็น “
เพื่อให้เราสามารถดำเนินการได้ในระดับที่สามารถแข่งขันกับบริษัทอื่นได้
เพราะการเอาคนออกจากงาน 10,000 ตำแหน่งครั้งนี้
แม้จะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายกว่า 130,000 ล้านเยน หรือประมาณ 895 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
แต่จะส่งผลบวกต่อการทำกำไรของบริษัทมากกว่า 300,000 ล้านเยน ภายในเดือนมีนาคม 2029
พร้อมกันนี้ยังตั้งเป้าอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นและอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้วให้สูงกว่า 10%
พร้อมเป้าหมายเพิ่มผลกำไรอย่างน้อย 150,000 ล้านเยน
กำไรของพานาโซนิคนั้นตกต่ำอย่างหนักอย่างต่อเนื่อง
จากยอดขายสินค้าที่ลดลง เพราะคู่แข่งที่แกร่งและมีเยอะมากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทีวีจากจีน ที่ล่าสุดตีตลาดญี่ปุ่นได้สำเร็จสวยงาม
และพานาโซนิคเองก็ถึงขั้นเตรียมขายธุรกิจทีวีทิ้ง
พานาโซนิค เคยออกมาเคลื่อนไหวระบุความต้องการว่า
เตรียมจะขายธุรกิจในกลุ่มสินค้าโทรทัศน์หรือทีวีออกไปหากจำเป็น
แต่ยังคนซื้อไม่ได้
ยูกิ คูซูมิ ประธาน เปิดเผยเมื่อช่วงต้นกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า
บริษัทเตรียมพิจารณาขายหรือปรับลดขนาดธุรกิจทีวีที่กำลังประสบปัญหา
ขณะที่บริษัทกำลังดำเนินแผนปรับโครงสร้างองค์กร
เพื่อให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างรวดเร็วและมุ่งเน้นการเติบโตมากขึ้น
โดยระบุว่าพร้อมที่จะขายธุรกิจทีวีถ้าหากมีความจำเป็น
แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย
และในปัจจุบันคิดว่าไม่มีบริษัทใดที่จะมาซื้อธุรกิจนี้
ดังนั้นจะต้องพิจารณาการเพิ่มตัวเลือกอื่น ๆ ให้มากขึ้น
นิกเกอิเอเชีย รายงานว่า พานาโซนิคมีเป้าหมายยุบบริษัทพานาโซนิค คอร์ปอเรชัน
ซึ่งเป็นธุรกิจหลักด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในสิ้นปีงบการเงิน 2568
และจะจัดตั้งบริษัท 3 แห่งขึ้นเพื่อดูแลผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน
เช่น ตู้เย็นและเครื่องซักผ้า ระบบปรับอากาศและระบบจำหน่ายอาหาร
รวมถึงธุรกิจไฟส่องสว่างและธุรกิจด้านไฟฟ้า
ซึ่งปัจจุบัน พานาโซนิคมีบริษัทในเครือ 6 แห่งซึ่งไม่รวมธุรกิจยานยนต์ที่ขายไปแล้วตั้ง
เมื่อเดือนธันวาคมปลายปีแล้วที่ผ่านมา
"แบรนด์จีน จุดเปลี่ยน แบรนด์ญี่ปุ่น - ใคร คือ ผู้อยู่รอด ?"
จุดสำคัญที่ต้องจับตาคือ การแข่งขันอย่างรุนแรงของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าวันนี้
สินค้าจากจีนแบรนด์จีนรุกตลาดอาเซียนได้อย่างแข็งแกร่ง และลามมาถึงญี่ปุ่นเองด้วย
พานาโซนิค รวมถึงสินค้าแบรนด์ญี่ปุ่นที่เคยได้รับความนิยม
ต้องมาเสียส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจนี้ โดยเฉพาะสินค้าราคาถูกกว่าจากแบรนด์จีน
เช่น Haier และ Midea ที่ปัจจุบันไม่ได้มีแค่ของราคาถูกแต่เริ่มส่งสินค้าคุณภาพสูงเข้าสู่ตลาดแล้วด้วยเช่นกัน
และมีสินค้าที่หลากหลาย ตั้งแต่ตู้เย็น ไมโครเวฟ และโดยเฉพาะทีวีที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง
ออมเดีย (Omdia) กลุ่มวิจัยและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี เปิดเผยกับนิกเกอิเอเชียว่า
เมื่อพิจารณาจากจำนวนสินค้าที่จัดส่งแล้ว
พานาโซนิคมีส่วนแบ่งตลาดทีวีจอแบนในประเทศญี่ปุ่น
ช่วงมกราคมถึงมิถุนายน 2024 ที่ 12.8%
ลดลงจากเมื่อปี 2010 ที่มีส่วนแบ่งประมาณ 20%
ส่วนแบ่งตลาดที่ลดลงนี้ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของสินค้าราคาจับต้องได้จากผู้ผลิตชาวจีน
ขณะเดียวกันพานาโซนิค ยังไม่ได้ทำตลาดทีวีในสหรัฐมาเป็นเวลานานกว่า 10 ปีแล้ว
ก่อนที่จะกลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้งเมื่อปี 2024
ทั้งนี้ คาดว่าในปีงบฯ 2024 พานาโซนิค จะมียอดขายจากธุรกิจสินค้าภาพและเสียง
รวมไปถึงกล้องถ่ายรูป 284,000 ล้านเยน (ประมาณ 62,504 ล้านบาท)
ซึ่งคิดเป็นเพียง 3% ของยอดขายรวมที่บริษัทคาดการณ์ไว้
สะท้อนถึงทิศทางของกลุ่มสินค้าภาพและเสียงของพานาโซนิค
ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเมื่อเทียบกับในช่วงปี 1990s
ที่สินค้าทีวีเคยเป็นสินค้าสำคัญของบริษัท
นอกจากนี้ เมื่อปี 2016 พานาโซนิคหยุดการผลิตจอแอลซีดี (LCD) สำหรับทีวี
จากโรงงานของตัวเองและหันไปซื้อจอแอลซีดีจากเกาหลีใต้ และซัพพลายเออร์รายอื่น ๆ แทน
พานาโซนิค กำลังเจอ "ทางแยกและจุดเปลี่ยน" ครั้งสำคัญ
ศึกแย่งตลาดจากสินค้าจีนยังไม่พอ
หันไปอีกด้านตอนนี้ก็ต้องเจอกับศึกภาษีทรัมป์จากสหรัฐอเมริกาด้วย
เพราะพานาโซนิคเองก็เป็นซัพพลายเออร์แบตเตอรี่ EV ให้กับเทสลา
กำแพงภาษีทรัมป์ที่มีจุดยืนต้องการกีดกันสินค้าต่างชาติ ทำให้การส่งออกหรือการผลิตใดๆย่อมไม่ง่ายเหมือนเดิม