รีเซต

สร้างตัวอ่อนมนุษย์จาก DNA ผิวหนัง สำเร็จครั้งแรกของโลก

สร้างตัวอ่อนมนุษย์จาก DNA ผิวหนัง สำเร็จครั้งแรกของโลก
TNN ช่อง16
1 ตุลาคม 2568 ( 13:54 )
25

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ไม่หยุดที่จะค้นหาวิธีใหม่ๆ เพื่อการสืบพันธุ์ของมนุษย์ ท่ามกลางปัญหาภาวะมีบุตรยากเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลต่อโครงสร้างของประชากรโลกอย่างมีนัยยะสำคัญ 

ล่าสุด ความหวังของการมีลูกง่ายขึ้น พัฒนาไปอีกขึ้น เมื่อนักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐฯ ออกมาประกาศว่า ได้สร้าง เอ็มบริโอ หรือ ตัวอ่อนมนุษย์ สำเร็จ เป็นครั้งแรก โดยใช้ DNA ที่นำมาจาก เซลล์ผิวหนังของมนุษย์ แล้วนำไปผสมกับสเปิร์ม

เทคนิคใหม่นี้อาจช่วยแก้ปัญหาการมีบุตรยากที่เกิดจากอายุที่มากขึ้นหรือจากโรคต่าง ๆ ได้ เพราะสามารถใช้เซลล์เกือบทุกชนิดในร่างกายเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตได้เลย ที่สำคัญ ยังอาจทำให้คู่รักเพศเดียวกันสามารถมีลูกที่มีพันธุกรรมเชื่อมโยงกับทั้งสองฝ่ายได้ด้วย

จาก “สเปิร์มเจอไข่” สู่การเริ่มต้นด้วยเซลล์ผิว

เดิมที่ การมีลูกไม่ใช่เรื่องยากหรือซับซ้อน คือ สเปิร์มของผู้ชายเข้าไปผสมกับไข่ของผู้หญิง เกิดเป็นตัวอ่อน เติบโตในครรภ์ และครอดออกมาเป็นทารก แต่ตอนนี้ นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่ากฎที่กำลังเป็นไป การทดลองล่าสุด การมีลูกเริ่มต้นจาก การนำเอา นิวเคลียส ซึ่งบรรจุรหัสพันธุกรรมทั้งหมดของร่างกาย ออกจากเซลล์ผิวหนัง แล้วใส่เข้าไปในไข่ของผู้บริจาค ที่ถูกนำคำสั่งทางพันธุกรรมตั้งต้นออกไป

ขั้นตอนเดียวกันนี้คล้ายกับเทคนิคที่ใช้สร้าง “ดอลลี่” แกะตัวแรกของโลกที่ถูกโคลนนิ่งเมื่อปี 1996

แต่ต่างกันตรงที่ ไข่นี้ยังไม่พร้อมสำหรับการปฏิสนธิ เพราะมันมีโครโมโซมครบชุด 46 แท่งอยู่แล้ว ขณะที่ปกติไข่ควรมีเพียง 23

ดังนั้น นักวิจัยจึงต้องทำให้ไข่ “ทิ้ง” โครโมโซมครึ่งหนึ่งออกไป กระบวนการนี้พวกเขาเรียกว่า “ไมโตไมโอซิส” ซึ่งเป็นการผสมคำของ “ไมโทซิส” และ “ไมโอซิส” ที่หมายถึงการแบ่งเซลล์

ผลลัพธ์ที่ได้

ผลการวิจัยนี้ได้ถูกตีพิมพ์ใน Nature Communications บอกว่า ทีมงานสามารถสร้างไข่ที่ใช้งานได้ 82 ใบ และเมื่อปฏิสนธิกับสเปิร์ม บางส่วนสามารถพัฒนาต่อเป็นตัวอ่อนในระยะเริ่มต้นได้ แต่ไม่เกิน 6 วัน

ศ.ชูครัต มิตาลิปอฟ ผู้อำนวยการศูนย์เซลล์ตัวอ่อนและบำบัดยีน มหาวิทยาลัยออริกอน กล่าว พวกเขาได้ทำสิ่งที่เคยถูกคิดว่าเป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้นจริง

อย่างไรก็ตาม เทคนิคนี้ยังไม่สมบูรณ์ เพราะไข่ยังคงสุ่มทิ้งโครโมโซม ทำให้บางครั้งได้โครโมโซมซ้ำ หรือขาดไป ซึ่งอาจนำไปสู่ความผิดปกติทางพันธุกรรมได้ นอกจากนี้ อัตราความสำเร็จก็ยังต่ำ เพียงราว 9% และโครโมโซมยังไม่ผ่านขั้นตอน “crossing over” ที่ช่วยสลับและจัดเรียงยีนเพื่อป้องกันโรค

ผลการวิจัยนี้ได้ถูกตีพิมพ์ใน Nature Communications บอกว่า ทีมงานสามารถสร้างไข่ที่ใช้งานได้ 82 ใบ และเมื่อปฏิสนธิกับสเปิร์ม บางส่วนสามารถพัฒนาต่อเป็นตัวอ่อนในระยะเริ่มต้นได้ แต่ไม่เกิน 6 วัน

ศ.ชูครัต มิตาลิปอฟ ผู้อำนวยการศูนย์เซลล์ตัวอ่อนและบำบัดยีน มหาวิทยาลัยออริกอน กล่าว พวกเขาได้ทำสิ่งที่เคยถูกคิดว่าเป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้นจริง

อย่างไรก็ตาม เทคนิคนี้ยังไม่สมบูรณ์ เพราะไข่ยังคงสุ่มทิ้งโครโมโซม ทำให้บางครั้งได้โครโมโซมซ้ำ หรือขาดไป ซึ่งอาจนำไปสู่ความผิดปกติทางพันธุกรรมได้ นอกจากนี้ อัตราความสำเร็จก็ยังต่ำ เพียงราว 9% และโครโมโซมยังไม่ผ่านขั้นตอน “crossing over” ที่ช่วยจัดเรียงยีนเพื่อป้องกันโรค


ความหวังและอนาคต

ศ.มิตาลิปอฟ ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านนี้ กล่าวว่า “เรายังต้องพัฒนาเทคนิคนี้ให้สมบูรณ์ แต่ผมเชื่อว่านี่คืออนาคต เพราะผู้ป่วยที่ไม่สามารถมีบุตรได้มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ”

เทคโนโลยีนี้จัดอยู่ในสาขาที่เรียกว่า “การสร้างเซลล์สืบพันธุ์นอกร่างกาย” ซึ่งกำลังเป็นแนวทางใหม่ของวิทยาศาสตร์ เป้าหมายคือช่วยคู่รักที่ไม่สามารถใช้วิธีเด็กหลอดแก้ว ได้เพราะไม่มีสเปิร์มหรือไข่

วิธีนี้อาจช่วยผู้หญิงสูงวัยที่ไม่มีไข่ที่แข็งแรง ผู้ชายที่มีปัญหาสเปิร์มน้อย หรือผู้ที่ผ่านการรักษามะเร็งจนไม่สามารถมีบุตรได้

ที่สำคัญ มันยังพลิกนิยามของ “ความเป็นพ่อแม่” เพราะเซลล์ที่ใช้สร้างไข่ ไม่จำเป็นต้องมาจากผู้หญิง อาจใช้เซลล์ผิวของผู้ชายก็ได้ ซึ่งหมายความว่า คู่รักเพศเดียวกันอาจมีลูกที่มีพันธุกรรมจากทั้งสองฝ่ายได้ เช่น คู่รักชายรักชายสามารถใช้เซลล์ผิวของฝ่ายหนึ่งมาทำเป็นไข่ แล้วให้สเปิร์มของอีกฝ่ายผสม และยังเปิดความหวังให้กับผู้ที่มีบุตรยากเพราะขาดไข่หรือสเปิร์มแล้ว วิธีนี้ยังทำให้คู่รักเพศเดียวกันสามารถมีลูกที่มีพันธุกรรมจากทั้งสองฝ่ายได้ด้วย

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง