คลายกังวลโอไมครอน ‘เมย์แบงก์’ ชี้เป็นแรงขับอุปสงค์ ส่งสัญญาณบวกต่อธุรกิจ
นายธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์ นักกลยุทธ์เศรษฐศาสตร์มหภาค บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวต่อว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ผ่อนคลายลงเรื่อยๆหลัง ดร.แอนโทนี ฟาวชี ที่ระบุว่า จะไม่ส่งผลให้อาการป่วยรุนแรงหากเทียบกับสายพันธุ์เดลต้า สอดคล้องกับตัวเลขสัดส่วนผู้ป่วยหนัก ในประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นประเทศแรกที่พบการแพร่ระบาดและมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุด คิดเป็น 31% เทียบกับสัดส่วนผู้ป่วยหนักช่วงการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลต้า อยู่ที่ 67%
สำหรับเงินเฟ้อสหรัฐฯเดือนพฤศจิกายน ยังสูง นำไปสู่การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเร็วขึ้น โดยเงินเฟ้อ (CPI) เดือน พ.ย. ของสหรัฐฯ บวก 6.8% เทียบปีก่อนและ บวก 0.5% จากตุลาคมปีนี้ จากราคาพลังงาน (ที่ยังสูงต่อเนื่อง บวก 33.3% จากปีก่อน และ บวก 3.5%จากเดือนก่อนหน้า เป็นปัจจัยที่ยังสร้างความกังวลว่าอาจส่งผลลบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ (Stagflation) และนำไปสู่การปรับมุมมองของตลาด ให้น้ำหนักการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเร็วขึ้น ซึ่งคาดว่าน่าจะมีการส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นในการประชุม FOMC วันที่ 14-15 ธ.ค. และจาก CME Fed Watch Tool ล่าสุด ให้น้ำหนักการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างน้อย 1 ครั้ง ในการประชุมเดือน มิ.ย.ที่โอกาส 79.2%
ในทางกลับกัน สะท้อนภาพที่แข็งแกร่งในหลายอุตสาหกรรม ถึงแม้ว่าเงินเฟ้อที่สูงจากราคาพลังงานซึ่งถือเป็นต้นทุนหลักในภาคการผลิต จะเป็นปัจจัยถ่วงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่หากพิจารณาลงในรายละเอียดจะพบว่า มีแรงขับเคลื่อนด้านอุปสงค์ (Demand) กลับมาช่วยหนุนในหลายอุตสาหกรรม และอาจเป็นสัญญาณบวกต่อธุรกิจของไทยที่มีลักษณะเดียวกันหรือเกี่ยวข้องให้มีโอกาสฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญเช่นเดียวกัน เทียบเดือนพฤศจิกายนกับตุลาคม นำโดย 1.ค่าตั๋วเครื่องบิน บวก 4.7% 2. การใช้บริการขนส่ง เร่งตัวมากที่สุดในรอบ 5 เดือน บวก 0.7 % ซึ่งมาจาการปรับตัวขึ้นของ ค่าที่จอดรถ ค่าทางด่วน ค่าธรรมเนียมการใช้บริการขนส่งภายในเมือง สะท้อนความต้องการการใช้ชีวิตนอกบ้าน ท่องเที่ยว จับจ่ายใช้สอย การเดินทาง
สำหรับความชัดเจนของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจน่าจะกลับมามีความชัดเจนมากขึ้น หลังความกังวลต่อปัจจัยลบต่างๆผ่อนคลายลง (ความเสี่ยง Omicron, ภาวะเงินเฟ้อจากด้านต้นทุน) หนุนให้หุ้นวัฎจักรกลับมามีความน่าสนใจ และเป็นเป้าหมายการเข้าซื้อของกระแสเงินลงทุน มีโอกาสที่จะ Outperform ในภาวะที่ตลาดที่ยังมีความกังวลต่อภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นที่น่าจะเกิดขึ้นเร็วกว่าเดิม