แห่ปรับเพิ่มคาดการณ์ "GDP "จีนหลัง"ศึกภาษียุติ "

CNBC รายงานว่า สถาบันการเงินหลายแห่งปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ของจีน หลังเจรจามาตรการภาษีกับสหรัฐฯ นำไปสู่ข้อตกลงที่ต่างฝ่ายต่างปรับลดอัตราภาษีตอบโต้ลงร้อยละ 115 เป็นเวลา 90 วัน ส่งผลให้ความตึงเครียดทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศคลี่คลายลง จากที่ตอบโต้กันแบบไม่ลดละก่อนหน้านี้
ธนาคาร UBS ระบุว่า การขยายตัวของ GDP จีนในปีนี้น่าจะอยู่ระหว่างร้อยละ 3.7-4 เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ประเมินไว้ร้อยละ 3.4 เนื่องจากความตึงเครียดที่ลดลงอาจกระทบเศรษฐกิจจีนไม่มากเท่าตอนทำสงครามภาษีตอบโต้กัน
“มอร์แกน สแตนเลย์” ก็ปรับเพิ่มคาดการณ์ในระยะสั้น เพราะบริษัทต่าง ๆ อาจเร่งส่งออกในช่วงที่ภาษีลดลงอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ GDP จีนในไตรมาส 2 อาจสูงกว่าประมาณการปัจจุบันที่ร้อยละ 4.5
ด้าน ANZ แบงก์ ในออสเตรเลีย คาดว่า GDP ของจีนอาจโตสูงกว่าร้อยละ 4.2 ในปีนี้ จากที่ปรับลดประมาณการจากร้อยละ 4.8 ในเดือนเมษายน สู่ระดับร้อยละ 4.2
เช่นเดียวกับ “เนติซิส” (Natixis) ธนาคารในฝรั่งเศส ที่มองว่า GDP ของจีนจะขายตัวร้อยละ 4.5 ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจากกรณีฐานที่ร้อยละ 4.2 หากมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงรุกมากขึ้น และลดภาษีศุลกากรเพิ่มเติม ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนจากเมื่อเดือนเมษายนที่หั่นคาดการณ์ GDP จีนจากร้อยละ 4.7 ลงเหลือร้อยละ 4.2
นอกจากนี้ ยังมีมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับตราสารทุนจีน โดย “โนมูระ” แนะเพิ่มน้ำหนักการลงทุน และย้ายการลงทุนบางส่วนจากอินเดียไปยังจีน
“เอ็ดดี้ หลอ” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ “เมย์แบงก์” เตือนว่า แม้การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะเกินความคาดหมายของตลาด แต่ข้อตกลงดังกล่าวยังมีผลเพียงชั่วคราว และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต