อังกฤษ ชาติเดียวใน G7 ที่เงินเฟ้อยังพุ่งสูงต่อเนื่อง

องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 แห่ง หรือ G7 เดือนพฤษภาคม อยู่ที่ร้อยละ 4.6 เมื่อเทียบรายปี ลดลงจากร้อยละ 5.4 ในเดือนเมษายน และแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2564 

แนวโน้มเงินเฟ้อขาลงเกิดขึ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่ในกลุ่ม G7 ได้แก่ สหรัฐฯ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และญี่ปุ่น

ขณะที่อังกฤษเป็นเพียงประเทศเดียวในกลุ่ม G7 ที่เงินเฟ้อยังคงเพิ่มขึ้น โดยเงินเฟ้อในอังกฤษ เดือนพฤษภาคม แตะที่ร้อยละ 7.9 เมื่อเทียบรายปี เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายนที่อยู่ที่ร้อยละ 7.8

สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ธนาคารกลางขนาดใหญ่หลายแห่งเริ่มพิจารณาจะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่แข็งกร้าว เนื่องจากเงินเฟ้อชะลอตัวลง แม้ว่าจะยังอยู่ในระดับที่สูง

เมื่อเดือนที่แล้ว ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.50 อยู่ที่ร้อยละ 5.0 ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้ และการขึ้นดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 13 ดังกล่าว ทำให้อัตราดอกเบี้ยขยับแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551

OECD ระบุด้วยว่า ระหว่างเดือนเมษายนและพฤษภาคม อัตราเงินเฟ้อลดลงในทุกประเทศที่มีข้อมูล ยกเว้นเนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ และอังกฤษ

โดยเมื่อพิจารณาข้อมูลของประเทศในกลุ่ม OECD ทั้งหมด พบว่า อัตราเงินเฟ้ออยู่ในช่วงตั้งแต่ต่ำกว่าร้อยละ 3 ในคอสตาริกา กรีซ และเดนมาร์ก ไปจนถึงมากกว่าร้อยละ 20 ในฮังการีและตุรกี

ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (core inflation) ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและเชื้อเพลิงที่ผันผวน ลดลงในอัตราที่ต่ำกว่า โดยอยู่ที่ร้อยละ 6.9 ในเดือนพฤษภาคม จากร้อยละ 7.1 ในเดือนเมษายน

ที่มาข้อมูล : TNN ONLINE

ที่มาภาพ : TNN