ERWกวาดเต็มทุกระดับ ผลงานพุ่งชนก่อนโควิด
#ERW #ทันหุ้น – ERW รับอานิสงส์ ททท. ปรับเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยขึ้นขั้นต่ำ 25 ล้านคน คงมาตรการกระตุ้นไทยเที่ยวไทยต่อเนื่อง มั่นใจอัตราการเข้าพัก และราคาห้องแตะก่อนโควิด ยึดมาตรฐาน SHA Plus เคร่งครัด ด้านนักวิเคราะห์คาดทั้งปี 2566 พลิกกำไรราว 244 ล้านบาท และจะพุ่งต่ออีก 165.2% ปี 2567 แนะ “ซื้อ” เป้า 4.98 บาท
นางสาววรมน อิงคตานุวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยว–บริการไทยปี 2566 มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งจากปัจจัยหนุนทั้งปริมาณนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ต้องการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวพักผ่อนในไทย ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พึ่งปรับประมาณการขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 25 ล้านคน จากเดิมประมาณการไว้ที่ราว 20 ล้านคน หลังจากรัฐบาลจีนมีความชัดเจนที่จะทยอยเปิดประเทศต่อเนื่อง
รวมถึงการที่ภาครัฐบาลยังให้ความสำคัญกับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยหนุนโดยตรงต่อทั้งอัตราการการจองห้องพักเฉลี่ย (Occupancy) และอัตราการเข้าพักรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) ของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากบริษัทมีโรงแรมครอบคลุมตั้งแต่ กลุ่มลักซ์ชัวรี (Luxury) ประกอบด้วย แกรนด์ไฮแอด เอราวัณ, และ เจดับบลิว แมริออท ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร, รวมถึง เดอะนาคา โอแนด์ เอ ลักซ์ชัวรี่ คอลเลคชั่น รีสอร์ทแอนด์สปา จ.ภูเก็ต รีสอร์ต ที่มีเอกลักษณ์แห่งเดียวบนเกาะนาคาใหญ่ ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ จึงเป็นโรงแรมอันดับต้นๆ ที่นักท่องเที่ยวต้องการเดินทางเข้ามาพักผ่อน
โรงแรมกลุ่มมิด สเกล (Mid-Scale) ประกอบด้วย คอร์ทยาร์ด โดยแมริออท กรุงเทพฯ, โนโวเทล กรุงเทพ สุขุมวิท 4, ฮอลิเดย์ อินนท์ และเมอร์เคียว อ.พัทยา จ.ชลบุรี รวมถึง ฮอลิเดย์ อินน์ เซบู ซิตี้ ประเทศฟิลิปปินส์, กลุ่มโรงแรม ฮ็อป อินน์ (HOP INN) ประกอบด้วย ไอบิส สไตล์, ไอบิส ฮอป อินน์ ประเทศไทย, รวมถึง ฮ็อป อินน์ ประเทศฟิลิปปินส์
รักษามาตรฐานงานบริการ
ทั้งนี้ บริษัทมุ่งสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย ตลอดสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาด้วยการยกระดับงานบริการ, การทำความสะอาดตามมาตรฐาน SHA Plus อย่างเคร่งครัด รวมถึงอำนวยความสะดวกให้พนักงานได้รับวัคซีนตามมาตรฐาน รวมถึงเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นในระยะเวลาที่เหมาะสม
“บุคลากรทุกระดับคือทรัพยากรที่สำคัญที่สุด ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบริษัทจึงดูแลบุคลากรอย่างดี บริษัทจึงมีความพร้อมให้บริการนักท่องเที่ยวทั้งไทย และต่างชาติอย่างดีที่สุด และสิ่งสำคัญคือการรักษาความสะอาดภายในโรงแรม โดยเฉพาะในห้องพัก และจุดสัมผัสร่วมในที่สาธารณะเพื่อสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยว”
เบื้องต้นบริษัทอยู่ระหว่างปรับกลยุทธ์การดำเนินงานทั้งปี 2566 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ-อุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง หนุนสัดส่วนพอร์ตลูกค้าทั้งปี 2566 กลับสู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 80% และเป็นนักท่องเที่ยวในประเทศราว 20%
“ณ สิ้นปี 2562 บริษัทมีอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) โรงแรมในกรุงเทพฯ เฉลี่ยทั้งปีราว 83-85% ส่วนอัตราการเข้าพักโรงแรมต่างจังหวัดเฉลี่ยทั้งปีที่ราว 70% เบื้องต้นคาดว่าการฟื้นตัวของปี 2566 น่าจะกลับไปที่ระดับนั้นได้ ทั้งนี้ต้องติดตามปริมาณการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนอย่างใกล้ชิด”
แนะ “ซื้อ” เป้า 4.98 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์คาดการณ์ผลการดำเนินงานทั้งปี 2566 ของ ERW จะสามารพลิกทำกำไรสุทธิได้ราว 244 ล้านบาท จากทั้งปี 2565 ที่จากทุนสุทธิราว 452 ล้านบาท หนุนจาก 1.RevPar กลุ่มโรงแรมระดับลักชัวรี่ และกลุ่ม HOP Innกลับมาแข็งแกร่งกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 2.สัดส่วนห้องพักในกลุ่มลักชัวรี่ทั้งปี 2566 เพิ่มขึ้นเป็น 22% เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่ 20% และจะเป็นปัจจัยหนุนกำไรทั้งปี 2567 ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งอีก 165.2% YoY แตะ 647 ล้านบาท สูงกว่าปี 2562 ที่มีกำไรสุทธิ 445.57 ล้านบาท จึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 4.98 บาท