อัพเดตอุตฯ-ไอเดียลงทุน SCGP-UTP กลุ่มบรรจุภัณฑ์กระดาษ Q4/67 ปี 68
#ทันหุ้น - บล.เคจีไอ ส่องหุ้น "กลุ่มบรรจุภัณฑ์ดาษ" มองว่าตลาดมีแนวโน้มเติบโตดีตั้งแต่ปี 2564-2568 หนุนจากความยั่งยืน อีคอมเมิร์ซ และแนวโน้มการจัดส่งอาหาร ด้วยอุปสงค์ในตลาดเอเชียเติบโต 4.8%-5.3% ต่อปี แม้จะมีความผันผวนของวัตถุดิบและความกังวลเรื่องอุปทานส่วนเกินอยู่ แต่บริษัทต่างๆ ก็ได้ใช้ประโยชน์จากบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กล่าวคือความเสี่ยงต่าง ๆ รวมถึงความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบและโอกาสในการถูกเก็บภาษี (tariff) ภายใต้การเป็นประธานาธิบดีของทรัมป์
ประเมินว่าใน Q4/67 ทั้ง SCGP และ UTP ยังเผชิญกับแนวโน้มที่น่าระมัดระวัง โดยกำไรของ SCGP มีแนวโน้มลดลง ขณะที่ UTP อาจเห็นการฟื้นตัว QoQ ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคงให้น้ำหนักลงทุนที่ “น้อยกว่าตลาด ฯ” (Underweight) โดยคาดว่าจะมีการปรับลดอันดับลงอีก แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไม่คาดคิดหรือการฟื้นตัวของจีน
คาดเติบโตตลาดบรรจุภัณฑ์กระดาษ-กลยุทธ์
ฝ่ายวิจัยมองว่าตลาดบรรจุภัณฑ์กระดาษมีแนวโน้มเติบโตดีตั้งแต่ปี 2564-2568 หนุนจากกระแสความยั่งยืน อีคอมเมิร์ซ และแนวโน้มการจัดส่งอาหาร แม้จะมีความท้าทาย อย่างเช่น ความผันผวนของวัตถุดิบและความกังวลอุปทานส่วนเกิน ขณะที่ในเอเชีย อุปสงค์คาดเติบโต 4.8%-5.3% ต่อปี โดยมีจีน อินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นผู้นำ ในส่วนของตลาดทั่วโลกอาจขยายตัวด้วย CAGR ที่ 3.5% จากแรงหนุนของการรณรงค์ให้ใช้ผลิตภัณฑ์แบบใช้ครั้งเดียวและความพยายามด้านความยั่งยืน แม้ว่าการเติบโตของอุปทานจะล่าช้า แต่บริษัทต่าง ๆใหญ่กำลังมุ่งสู่การผลิตบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในระยะยาว แม้ในขณะนี้ความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบและความท้าทายในการรีไซเคิลยังเป็นความเสี่ยงสำคัญ
ลองคิดในแง่ร้าย – อะไรบ้างที่อาจผิดพลาด?
การกลับมาเป็นประธานาธิบดีของทรัมป์และอาจกำหนดภาษี 60% สำหรับการนำเข้าจากจีนอาจทำใหกลุ่มอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์กระดาษของไทยถูกกระทบและถูก derate แม้ว่าความสามารถของ SCG Packaging (SCGP.BK/SCGP TB) ในการปรับต้นทุนและ margin อาจช่วยเรื่องความสามารถการแข่งขันของบริษัทได้ แต่ผลกระทบของภาษีต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก การเพิ่มของต้นทุนการผลิตและการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนจะเพิ่มความผันผวนของราคาและเพิ่มการแข่งขันในภูมิภาค อย่างไรก็ดี กลยุทธ์ของ SCGP ที่เน้นในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีมูลค่าเพิ่มและแนวปฏิบัติที่ยั่งยืนอาจช่วยลดความเสี่ยงต่าง ๆ เหล่านี้ลงได้ แต่แรงกดดันทางการตลาดที่เพิ่มขึ้นบ่งชี้ว่าการลดอันดับ (derating) มีแนวโน้มมากกว่าการเพิ่มอันดับ (rerating) ในระยะสั้น
แนวโน้มน่าระมัดระวัง Q4/67 กลุ่มฯ คาดฟื้นตัวปี 68
กลุ่มอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์กระดาษ โดยเฉพาะ SCGP และ United Paper (UTP.BK/UTP TB) เผชิญกับแนวโน้มที่ระมัดระวังใน Q4/67 ขณะที่ SCGP ยังไม่น่าจะเห็นกำไรต่ำสุดจนถึงปี 2568 โดยมีต้นทุนกระดาษรีไซเคิลเพิ่มขึ้นและการขาดทุนในอินโดนีเซียส่งผลกระทบต่อผลประกอบการ โดยที่ SCGP ตั้งเป้าหมายจุดคุ้มทุนของ Fajar ให้ถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากการฟื้นตัวของจีนที่ช้า สำหรับ Q4/67 กำไรของ SCGP น่าจะลดลง QoQ และ YoY แม้ว่าจะมียอดขายตามฤดูกาลเพิ่มขึ้น แต่ถูกชดเชยด้วยต้นทุนดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ทางด้าน UTP อาจเห็นการฟื้นตัว QoQ ด้วยแรงหนุนจากยอดขายดีขึ้นและต้นทุนวัตถุดิบต่ำลง โดยคาดว่าการฟื้นตัวน่าจะเกิดขึ้นปี 2568
ฝ่ายวิจัยคงให้น้ำหนักลงทุน “น้อยกว่าตลาดฯ”
การที่ราคาหุ้น SCGP และ UTP ลดลง 34% และ 26% ตั้งแต่ต้นปี ได้สะท้อนถึงแนวโน้มการลดอันดับทั่วโลก ขณะที่ SCGP เทรดที่พรีเมียมเนื่องจากห่วงโซ่คุณค่าเชิงบูรณาการ แต่ปัจจุบันมีมูลค่าที่ -2 S.D ของค่าเฉลี่ย 5 ปี สะท้อนกำไรที่ลดลง ส่วน UTP เทรดต่ำกว่าคู่แข่งรายอื่นในกลุ่มและค่าเฉลี่ยในอดีต สะท้อนความสามารถในการแข่งขันที่อ่อนแอกว่า ขณะที่ฝ่ายวิจัยมองว่าอุต ฯ นี้ ยังเผชิญความท้าทายจากอุปทานส่วนเกินและการฟื้นตัวของจีนที่ช้า ดีล M&A ที่จำกัดและการรักษากำไรและ ROE อยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ คาดว่าอาจมีการปรับลดอันดับลงอีก แม้ว่ามาตรการกระตุ้นแข็งแกร่งกว่าที่คาดหรือการฟื้นตัวของจีนอาจมีอัพไซด์
Risks ความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบและพลังงาน ความเสี่ยงของการด้อยค่าจากดีล M&A และความเสี่ยงของประเทศ