"SHR" จับตา Q4/67 พลิกเป็นกำไร โบรกฯ อัพเกรดเป็นซื้อ เคาะเป้าใหม่ 2.80 บ.
#ทันหุ้น - บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ หุ้นบริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR หลังการประชุมนักวิเคราะห์ มีมุมมองเป็นบวกมากขึ้น โดยคาดว่าจะกลับมาทำกำไรได้ใน Q4/67 จากปัจจัยฤดูกาลท่องเที่ยวสูงสุดในไทยและมัลดีฟส์ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง และขาดทุนจาก SO Maldives ลดลง ขณะที่ปรับลดประมาณการปี 67-68 เพื่อสะท้อนผลการดำเนินงาน 9M67 และขาดทุนจาก SO Maldives แต่ปรับเพิ่มประมาณการปี 69 โดยคาดว่าเป็นผลจากอัตรากำไรจะขยายตัวและหนี้สินจะลดลงในปี 2568-69 ฝ่ายวิจัยมองว่า SHR จะเข้าสู่ช่วงเติบโตสูงคาด 25% ต่อปี ในอีก 2 ปี ข้างหน้า (ปี 2568-70) ด้วยการฟื้นตัวและมูลค่าปัจจุบันของหุ้นที่ 7x EV/EBITDA 2568 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม ฝ่ายวิจัยปรับแนะนำการลงทุนเป็น “ซื้อ” ราคาเป้าหมายใหม่ 2.80 บาท
คาดผ่านจุดต่ำสุดใน Q2/67 แล้ว และคาด Q4 พลิกเป็นกำไร ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคาดว่า SHR จะกลับมาทำกำไรได้ใน Q4/67 โดยได้รับแรงหนุนจาก: i) ฤดูกาลท่องเที่ยวสูงสุดของโรงแรมในไทย (18% ของรายได้,การเปิดให้บริการของ SAii Laguna Phuket อีกครั้ง พร้อมอัตราค่าห้องพักที่สูงขึ้น โดยตั้งเป้าหมายค่าห้องพักเพิ่มขึ้น 15-20%) และมัลดีฟส์ (26%) ซึ่งผลักดันอัตราการเข้าพักให้สูงขึ้นเป็น 70-80% โดยฝ่ายวิจัยคาด RevPar รวม +15% yoy ใน Q4/67 (vs 11% yoy ใน Q3/67) และคาดว่าขาดทุนจากการลงทุนใน SO Maldives จะลดลง (เทียบกับขาดทุน 60 ล้านบาทต่อไตรมาสใน 3 ไตรมาสที่ผ่านมา) ii) การลดหนี้สินเชิงรุกและการบริหารอัตราดอกเบี้ย คาดว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลง -13% yoy, -8% qoq มาที่ 260 ล้านบาท (vs 280 ล้านบาทใน Q3/67) จะช่วยหนุนกำไร
แนวโน้มผลประกอบการเติบโตเฉลี่ย 25% ต่อปี (CAGR 2 ปี 2568-70) ฝ่ายวิจัยทบทวนประมาณการ โดยปรับประมาณการกำไรปกติปี 67-68 ลงมาอยู่ที่ 68 ล้านบาท (พลิกจากขาดทุน -86 ล้านบาทใน 2566) และ 300 ล้านบาท แต่ปรับขึ้นปี 69 มาที่ 433 ล้านบาท หลักๆ มาจากการปรับสมมติฐาน i) ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการรายได้เพียงเล็กน้อย โดยคาด RevPar ปี 2567 +11% มาที่ 4,406 บาท (ต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัทที่ 12-13%) และคาด +8% ในปี 2568 (vs เป้าหมายของบริษัทที่ +5-10%)
ii) คาดส่วนแบ่งขาดทุนจาก So Maldives มากกว่าคาดการณ์เดิมเพื่อสะท้อนช่วงเริ่มต้นที่ช้ากว่าคาด โดยคาดจะเป็นกำไรในปี 2569 อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยคาดประเด็นดังกล่าวจะถูกชดเชยด้วยอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น โดยอัตรากำไรขั้นต้น 9M67 อยู่ที่ 37.3% สูงกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้จาก economy of scale และผ่านช่วงการเปิดโรงแรมหลังจากปรับปรุงทั้งในไทย ฟิจิและเมอริเชียส
ดังนั้น ฝ่ายวิจัยคาดอัตรากำไรจะสูงขึ้นในปี 2568-69 อีกทั้ง ฝ่ายวิจัยคาดดอกเบี้ยจ่ายจะลดลง จากการจ่ายคืนหนี้ของบริษัท (IBD ลดลงมาที่ 1.2 หมื่นล้านบาท) รวมทั้งการรีไฟแนนซ์และดอกเบี้ยขาลง โดยฝ่ายวิจัยคาดอัตราดอกเบี้ยลดลง 0.4% มาที่ 6.3% ใน 2568 (vs 6.7% ในปัจจุบัน และเป้าหมายของบริษัทลดลง 0.5-1% ในปี 2568)
ปรับคำแนะนำเป็น ซื้อ ราคาเป้าหมายใหม่ 2.80 บาท ราคาเป้าหมายของฝ่ายวิจัยอิงจากการประเมินมูลค่า DCF n (WACC 6.3%, 2.5% Rf, 8% market risk premium, 1x beta, 1% terminal growth)