รีเซต

สธ.แจงเหตุยอดโควิด-19 เพิ่มขึ้นสอดคล้องทั่วโลก จากมาตรการผ่อนคลาย

สธ.แจงเหตุยอดโควิด-19 เพิ่มขึ้นสอดคล้องทั่วโลก จากมาตรการผ่อนคลาย
TNN ช่อง16
26 พฤศจิกายน 2565 ( 13:34 )
57
สธ.แจงเหตุยอดโควิด-19 เพิ่มขึ้นสอดคล้องทั่วโลก จากมาตรการผ่อนคลาย

อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นตามการคาดการณ์ จากการจัดกิจกรรมและผ่อนคลายมาตรการต่าง ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์การติดเชื้อจากทั่วโลก จึงได้เร่งรัดการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในคนไทย ให้สถานพยาบาลเปิดฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทุกวัน และให้อสม. ลงพื้นที่เชิญชวนประชาชน


วันนี้ (26 พ.ย.65) นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุถึงสถานการณ์โควิด-19 ในช่วงนี้ ที่พบผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับสถานการณ์การติดเชื้อในทั่วโลก ทั้งโควิดสายพันธุ์ใหม่ และการผ่อนปรนมาตรการหลายๆอย่าง

เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ชีวิตตามปกติรวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ระบบสุขภาพของไทยรับได้ และอยู่ในการคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว เน้นย้ำมาตรการสาธารณสุข และการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็นสิ่งสำคัญ ในการช่วยป้องกันและควบคุมโรค

โดยข้อมูลล่าสุดไทยฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ไปแล้วร้อยละ 70  และเข็ม 2 ไปแล้ว ร้อยละ 80 ในส่วนเข็มกระตุ้น นั้นให้นับ ระยะห่างจากเข็มล่าสุดที่ฉีดไปหาก 4 เดือนขึ้นไป

สถานการณ์ปัจจุบันประชาชนควรได้รับวัคซีน 3-4 เข็มขึ้นไป เนื่องจากข้อมูลที่ผ่านมา พบว่าในช่วงระยะเวลา 4 เดือนหลังฉีดวัคซีนเข็มล่าสุด ในบางรายภูมิคุ้มกันจะลดลง โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงกลุ่ม 608

จากสถานการณ์การติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นทำให้ประชาชนมีความต้องการวัคซีนเพิ่มขึ้นด้วย ทางปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้สั่งการให้สถานพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศ เปิดให้บริการการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทุกวัน 

ในส่วนของพื้นที่กระทรวงสาธารณสุขได้เปิดฉีดวัคซีนทุกวันที่บริเวณ อาคาร สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี และที่สถาบันบำราศนราดูร นอกจากนี้ยังให้ อสม. แต่ละพื้นที่เชิญชวนประชาชนเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นด้วย 

ส่วนยาฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป หรือ LAAB นั้น ได้มีการจัดส่งไปยังสาธารณสุขจังหวัด รวมถึงส่งไปยังสถานพยาบาลในสังกัดของกรมการแพทย์ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

โดยเน้นฉีดให้กับกลุ่มที่ภูมิคุ้มกันในร่างกายบกพร่อง กินยากดภูมิต้านทาน และผู้ป่วยโรคเสี่ยง เช่น ผู้ป่วยโรคไต ผู้ป่วยที่ได้มีการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ ผู้ป่วยมะเร็ง เป็นต้น.


ภาพจาก AFP

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง