เคเอ็นยู ปฏิเสธคำเชิญ 'มิน อ่อง ลาย' เจรจาสันติภาพ
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) ได้ออกหนังสือแถลงการณ์จากกองบัญชาการ ลงวันที่ 9 พ.ค.2565 ว่า ตามที่ พลเอกมินอ่อง หล่าย หัวหน้าคณะรัฐประหาร ได้เชิญชนกลุ่มน้อยกลุ่มต่างๆ ที่เป็นกองกำลังติดอาวุธ รวมทั้งฝ่ายเคเอ็นยูด้วยนั้น
ทางฝ่ายเคเอ็นยูไม่สามารถที่จะเข้าร่วมประชุมได้ แม้นว่า ที่ผ่านมา ทางเคเอ็นยู มีความจริงในการพูดคุยสันติภาพมาโดยตลอด และมีการลงนามบรรลุข้อตกลงถึง 3 ครั้ง ในการเจรจาสันติภาพในนามกลุ่มเอ็นซีเอ ทั้งหมด 20 กลุ่ม จึงนับเป็นข้อพิสูจน์ด้วยความจริงใจของฝ่ายเคเอ็นยูที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมทางการเมืองและการแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองด้วยวิธีสันติ
แถลงการณ์ระบุว่า ที่ไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ เนื่องจากไม่เอื้ออำนวยต่อการเจรจา และควรดำเนินการจัดเตรียมใหม่เพื่อสันติภาพ และการเจรจาทางการเมืองระหว่างคู่เจรจาเพื่อแสวงหาวิธีแก้ปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติ แก้ปัญหาทางการเมืองที่ฝังรากในประวัติศาสตร์ การยุติเผด็จการทหาร ทิ้งบทบาทของทหารจากการเมือง และการยอมรับความยุติธรรมระหว่างกัน, การยอมรับความเคารพซึ่งกันและกัน, การประเมินความเท่าเทียมกัน, และความเต็มใจในการเจรจาด้วยความเท่าเทียมกัน รวมทั้งความจริงใจ ความมีศักดิ์ศรี และอื่นๆ ค่านิยมร่วมกันเหล่านี้ควรได้รับการจัดลำดับความสำคัญ และองค์กรระหว่างมีส่วนร่วมในฐานะผู้สังเกตการณ์
แถลงการณ์ของเคเอ็นยู ยังระบุด้วยว่า ฝ่ายทหารเมียนมาต้องหยุด การสู้รบ การโจมตีอย่างรุนแรง การจับกุมนักการเมือง ประชาชนด้วยความโหดร้าย และยุติการเผาหมู่บ้าน ยิงปืนใหญ่ใส่ในหมู่บ้าน และการปฏิบัติการทางอากาศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มที่ไม่ไปลงทะเบียนร่วมประชุม ซึ่งวันที่ 9 พ.ค. ที่เมืองเนปิดอ ถือว่า เป็นวันสุดท้าย ของการลงทะเบียนร่วมประชุม ซึ่งนอกจากกลุ่มเคเอ็นยู ที่ไม่ไปรวมประชุมตามคำเชิญของพลเอกมินอ่อง หล่ายแล้ว แล้วยังมีกลุ่มชิน เอสเอสเอ (ไทยใหญ่ รัฐฉาน) กลุ่มนักศึกษาเมียนมาเอบีเอสดีเอฟ กลุ่มลาฮู ขณะทำกลุ่มที่ไปเจรจามีเพียงไม่ถึง 5 กลุ่ม และกลุ่มขนาดเล็ก อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า พลเอกมินอ่อง ลายไม่สบายใจ และรู้สึกกังวล กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
สำหรับสถานการณ์การสู้รบระหว่างกลุ่มต่อต้านฝ่ายทหารเมียนมา กับกองกำลังชนกลุ่มน้อยติดอาวุธ ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 65 ฝ่ายทหารคะเรนนี่ (คะยา) ด้านตรงข้ามจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้โจมตีขบวนรถทหารเมียนมา ในเขตอ.พูลโซ ห่างจากเมืองลอยกอ ประมาณ 20 ไมล์ ทำให้ทหารเมียนมาเสียชีวิต 20 คน และถูกจับเป็นได้ 6 คน นอกจากนี้ฝ่ายคะยายังได้เผารถยนต์บรรทุกของทหารเมียนมาเสียหาย 4 คัน นับเป็นการปฏิบัติการทางทหารที่รุนแรงมากของฝ่ายคะยา