มหันตภัยจากเอไอ เปลี่ยนสาวยูเครนเป็นหญิงรัสเซีย พูดจีนคล่อง ลวงหนุ่มโสด
รู้ไหมว่า เอไอเปลี่ยนสาวยูเครนให้กลายเป็นหญิงรัสเซีย ที่พูดจีนกลางได้ และเธอก็โด่งดังในโลกออนไลน์จีน ผู้ติดตามหลายแสนคน ขายสินค้าไปได้แล้วหลายหมื่นชิ้น
ในขณะที่ หญิงสาวยูเครนตัวจริง แทบไม่เชื่อสายตา ที่เห็นหน้าของเธอ เสียงของเธอ พูดสนับสนุนรัสเซียอย่างออกนอกหน้า ทั้งที่รัสเซียกำลังทำสงครามกับประเทศบ้านเกิดของเธอ คือ ยูเครน
และนี่คือภัยอันตรายจากเอไอ ที่สร้างขโมยตัวตนคนอื่น ไปหาประโยชน์ได้อย่างง่ายดาย และมันก็มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
—ตัวจริง---
โอลกา โลเอียก เป็นนักศึกษาชาวยูเครน วัย 21 ปี เธอเล่าว่า ไม่นานนี้ เธอเริ่มสร้างช่องยูทิวบ์ และผลิตคอนเทนต์ลงเรื่อย ๆ สักพักก็มีคนส่งข้อความมาว่า เห็นเธอพูดภาษาจีนกลางได้คล่อง นำมาสู่ความสงสัยว่า มีคนสวมรอยเป็นเธอ นำภาพและวิดีโอของเธอไปทำอะไรหรือเปล่า
“ฉันเห็นตัวเอง พูดจีนกลางคล่อง ด้านหลังเป็นพระราชวังเครมลินในมอสโก พูดเกี่ยวกับรัสเซียและจีน มันมีฉันอีกคน ที่ขายสินค้ารัสเซีย” โอลกา กล่าว
นี่จะเรียกได้ว่าเป็นประสบการพบ ดอพเพลแกงเกอร์ดิจิทัล ก็ว่าได้
แล้วกลายเป็นว่า ตัวปลอมของโอลกาที่เกิดเอไอ กลับมียอดผู้ติดตามหลายแสนคนในจีน มากกว่าตัวจริงเสียอีก
อย่างกรณีโอลกา ที่อ้างว่าต้องการสนับสนุนรัสเซีย ด้วยการนำสินค้ารัสเซียมาขายในจีน และมันก็ขายได้เป็นหมื่น ๆ ชิ้น โดยตัวปลอมของเธอจะพุ่งเป้ากลุ่มเป้าหมายที่เป็นชายโสดจีนเป็นหลัก
“โคลนของฉันพูดถึง อยากหาสามีคนจีน ฉันอยากไปจีนและอยู่ที่นั่น สร้างครอบครัวที่นั่น ประเทศจีนดีมาก
เป็นเรื่องโฆษณาชวนเชื่อส่วนมาก” โอลกา เล่าต่อ
—ยอดภูเขาน้ำแข็ง---
กรณีของโอลกา เป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็ง ของการที่มิจฉาชีพใช้ประโยชน์จากความอัจฉริยะของเอไอ มาเป็นเครื่องมือหลองลวง รวมถึงเครื่องมือชวนเชื่อทางการเมือง
เพราะมีกรณีคล้ายกับเธออีกมากในสังคมออนไลน์จีน รวมถึงทั่วโลก
ผู้เชี่ยวชาญ หรือไม่ต้องเชี่ยวชาญ ก็กล่าวได้ว่า มิจฉาชีพเหล่านี้ นำภาพและวิดีโอของผู้หญิงที่ปรากฎในโลกออนไลน์ มาสร้างตัวตนใหม่ ปลอมเสียง และท่วงท่า ด้วยเอไอ ที่เรียกว่าดีฟเฟค
จิม ไช่ CEO ของบรัทที่พัฒนาเอไอขั้นสูง กล่าวว่า การใช้ดีฟเฟคแบบนี้ เป็นเรื่องที่พบเห็นเยอะมากในจีน
“การสร้างตัวผมอีกคนแบบ 2 มิติแบบดิจิทัล ผมแค่ถ่ายตัวเอง 30 นาที แล้วเอไอก็จะช่วยจัดการให้ มันดูเหมือนจริงมาก คุณเปลี่ยนภาษาให้พูดได้ด้วย แม้มันจะยังดูเหมือนลิปซิงค์ก็ตาม” จิม ไช่ อธิบาย
สิ่งที่เกิดขึ้นกับโอลกา เป็นสัญญาณถึงภัยอันตรายของเอไอ ทั้งทางมิจฉาชีพ การโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
และแม้รัฐบาลจีน รวมถึงอีกหลายแห่งทั่วโลกจะร่างกฎหมาย หรือบังคับใช้กฎหมายควบคุมการใช้เอไอแล้ว
แต่เราก็ต้องยอมรับว่า พัฒนาการของเอไอมันไปไกลเร็วมาก และมันอาจเร็วเกินกว่ากฎหมายจะตามทัน
“มันเหมือนใครจะเอาหน้าคนอื่น มาใช้ยังไงก็ได้ พูดอะไรก็ได้ ฉันไม่อยากให้หน้าของฉันไปปรากฏเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน”
“ฉันไม่เคยพูดอะไรแบบนี้ ไม่เคยเลยในชั่วชีวิต และฉันก็ไม่คิดจะพูดอะไรแบบนี้” โอลกา ทิ้งท้าย