รีเซต

นักวิทย์ พบสารในโกโก้ เชื่อมโยงกับการชะลอวัย

นักวิทย์ พบสารในโกโก้ เชื่อมโยงกับการชะลอวัย
TNN ช่อง16
18 ธันวาคม 2568 ( 13:28 )
10

นักวิทยาศาสตร์จากวิทยาลัยคิงส์คอลเลจ ลอนดอน (King’s College London) รายงานการค้นพบที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ธีโอโบรมีน (theobromine) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่พบได้ในโกโก้ โดยพบว่าสารดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับการ ชะลอความชราทางชีวภาพ (biological aging) การศึกษานี้ช่วยเปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับบทบาทของสารอาหารในชีวิตประจำวันต่อการทำงานของยีนและกระบวนการชราของร่างกายมนุษย์

งานวิจัยอาศัยการวิเคราะห์ตัวอย่างเลือดจากผู้เข้าร่วมมากกว่า 1,600 คน จากสองกลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่ในยุโรป ได้แก่ TwinsUK และ KORA ผลการวิเคราะห์พบว่า ผู้ที่มีระดับธีโอโบรมีนในเลือดสูงกว่ามีแนวโน้มที่จะมีอายุทางชีวภาพที่ดูอ่อนกว่าวัยตามปฏิทินของตนเอง

อายุทางชีวภาพ: ตัวชี้วัดสุขภาพที่ลึกกว่าวัยจริง

ในการศึกษานี้ นักวิจัยไม่ได้วัดอายุจากจำนวนปีที่มีชีวิตอยู่ แต่ใช้การประเมิน อายุทางชีวภาพ ซึ่งสะท้อนถึงสภาพการทำงานของร่างกายในระดับเซลล์ โดยอาศัยตัวบ่งชี้ทางชีวภาพสำคัญสองประการ ได้แก่

DNA methylation ซึ่งเกี่ยวข้องกับการควบคุมการทำงานของยีน

ความยาวของเทโลเมียร์ (telomere length) ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ปลายโครโมโซมและมีบทบาทสำคัญต่อการเสื่อมของเซลล์

ตัวชี้วัดเหล่านี้มักถูกใช้ในการประเมินสุขภาพในระยะยาว และความเสี่ยงต่อโรคที่เกี่ยวข้องกับอายุ


ธีโอโบรมีน: สารเด่นท่ามกลางสารจากโกโก้และกาแฟ

เมื่อเปรียบเทียบกับสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโกโก้และกาแฟ นักวิจัยพบว่า ธีโอโบรมีนเป็นสารเดียวที่แสดงความสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอกับการชะลอความชราทางอีพีเจเนติก (epigenetic aging) ผลลัพธ์นี้ทำให้ธีโอโบรมีนกลายเป็นจุดสนใจสำคัญในการศึกษาด้านโภชนาการและความชรา

แม้ว่าธีโอโบรมีนจะเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นสารที่เป็นพิษต่อสุนัข แต่ในมนุษย์กลับมีงานวิจัยหลายชิ้นที่เชื่อมโยงสารชนิดนี้กับประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น การลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ และการสนับสนุนการทำงานของระบบหลอดเลือด

ไม่ใช่ข้ออ้างในการกินช็อกโกแลตมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม นักวิจัยย้ำเตือนว่าผลการศึกษานี้ ไม่ได้หมายความว่าการบริโภคดาร์กช็อกโกแลตในปริมาณมากจะช่วยให้มีอายุยืนยาวขึ้น เนื่องจากช็อกโกแลตยังคงมีน้ำตาลและไขมัน ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพหากบริโภคเกินความเหมาะสม

สาระสำคัญของงานวิจัยอยู่ที่การชี้ให้เห็นว่า สารอาหารธรรมดาในชีวิตประจำวันอาจมีบทบาทต่อการควบคุมยีนและกระบวนการชรา มากกว่าที่เคยเข้าใจกันมาก่อน ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนาแนวทางใหม่ ๆ ในการดูแลสุขภาพ การชะลอวัย และการออกแบบโภชนาการเชิงป้องกันในอนาคต

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง