FTEลุยชิงงานใหม่300ล. โค้งสามสดใส-คงเป้าโต10%

FTE มองผลงานไตรมาส 3/2566 เติบโตดีต่อเนื่อง เดินหน้าชิงงานใหม่กว่า 300 ล้านบาท เบื้องต้นคาดได้รับงานใหม่เติมพอร์ตไม่น้อยกว่า 50% ยิ้มเศรษฐกิจฟื้นตัวเอกชนเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง อวดแบ็กล็อกในมือหนา 500 ล้านบาท คาดทยอยส่งมอบและรับรู้เป็นรายได้ไม่น้อยกว่า 50% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ คงเป้าการเติบโตของรายได้ปี 2566 ไว้ที่ 10%

นายทักษิณ  ตันติไพจิตร  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ FTE ผู้นำธุรกิจนำเข้าและจำหน่าย บริการออกแบบ รับเหมาติดตั้ง ซ่อมแซม ตรวจสอบอุปกรณ์-ระบบดับเพลิงครบวงจร เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมธุรกิจและผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2566 คาดว่าจะเห็นการเติบโตที่ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน และดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 2/2566 ที่มีรายได้จากการจำหน่ายรวมอยู่ที่ 270.83 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 26.64 ล้านบาท

หลักๆ เป็นผลมาจากการกลับมาเปิดประเทศอย่างเต็มที่และสถานการณ์โควิดที่คลายตัวลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้นับตั้งแต่ต้นปี 2566 จะเห็นการเข้ามาลงทุนของต่างชาติและภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ EEC ทำให้บริษัทได้รับงานติดตั้งระบบดับเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรมเข้ามามากขึ้น รวมถึงงานติดตั้งระบบดับเพลิงและอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องในโรงไฟฟ้าและสถานีไฟฟ้า ตลาดจนอาคารสำนักงาน และคอนโดมิเนียม

*ชิงงานใหม่ 300 ลบ.

ปัจจุบันบริษัทมีงานที่ได้มีการยื่นเสนอราคาไปแล้วและอยู่ระหว่างการรอประกาศผลในมืออีกมากกว่า 300 ล้านบาท เบื้องต้นคาดว่ากว่า 50% จะทยอยประกาศผลในช่วงที่เหลือของปี 2566 นี้ และบริษัทมีความคาดหวังว่าจะได้รับงานใหม่เข้ามาเติมพอร์ตไม่น้อยกว่า 40-50% ของมูลค่างานทั้งหมดที่ได้ยื่นเสนอราคาไป โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทยังคงมุ่งเน้นในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เดิมที่มี และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และงานบริการ

นอกจากนี้ บริษัทมีงานในมือที่รอทยอยส่งมอบ (Backlog) กว่า 500 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนออกเป็นงานโครงการติดตั้งระบบดับเพลิงให้กับกลุ่มธุรกิจพลังงานและอสังหาริมทรัพย์กว่า 50%, งานโครงการของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) ประมาณ 25% และในส่วนที่เหลืออีกราว 25% เป็นสัดส่วนงานติดตั้งระบบดับเพลิงภายในโรงงานอุตสาหกรรม เบื้องต้นคาดว่าประมาณ 50% จะทยอยส่งมอบและรับรู้เป็นรายได้เข้ามาในช่วงที่เหลือของปี 2566 นี้

**รายได้โต 10%

ทั้งนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมในปี 2566 ไว้ที่ไม่น้อยกว่า 10% หรือแตะที่ระดับกว่า 1,200 ล้านบาท จากปี 2565 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ระดับ 1,094.33 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 80.67 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ระดับ 558.42 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 58.79 ล้านบาท โดยบริษัทยังคงความสามารถในการรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิไว้ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 26-27% และ 10% จากในครึ่งแรกปีที่ทำได้แล้วระดับ 26.20% และ 10.53% ตามลำดับ

อย่างไรก็ดี มองว่าจากการที่ประเทศไทยมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาดำเนินงานและวางนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าจะช่วยสร้างความมั่นใจในการลงทุนให้กับชาวต่างชาติ และภาคเอกชนในประเทศได้มากขึ้น ขณะเดียวกันการก่อสร้างโรงไฟฟ้า SPP และ VSPP ที่จะต้องมีการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ และจ่ายไฟฟ้าในปี 2567 เป็นต้นไป มองว่าจะหนุนให้บริษัทได้รับงานติดตั้งระบบดับเพลิงเข้ามาเพิ่มมากขึ้นในปีหน้า

"มองว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปี 2566 จะมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง และไตรมาส 3/2566 เองก็มีทิศทางที่ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมถึงดีกว่าไตรมาสก่อนหน้า เพราะงานในมือยังสามารถทยอยส่งมอบและรับรู้เป็นรายได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงจากเศรษฐกิจที่มีการฟื้นตัวดี ภาคเอกชนเดินหน้าการลงทุนโครงการต่างๆ ต่อเนื่อง ทำให้เราเองก็มีโอกาสที่จะได้รับงานใหม่ๆ เข้ามาเติมพอร์ต ซึ่งตอนนี้ก็มีงานอยู่ระหว่างประมูล และรอประกาศผลอีกกว่า 300 ล้านบาท เราเองก็คาดหวังได้งานใหม่มาเติมพอร์ตไม่น้อยกว่า 50%" นายทักษิณ กล่าว