รีเซต

“อย่ามาแหยมกับแมว” สู่อย่าทำร้าย “หมวยเล็ก” เมื่อชาวเน็ตลุกขึ้นสู้เพื่อสัตว์เลี้ยง

“อย่ามาแหยมกับแมว”  สู่อย่าทำร้าย “หมวยเล็ก”  เมื่อชาวเน็ตลุกขึ้นสู้เพื่อสัตว์เลี้ยง
TNN ช่อง16
6 มิถุนายน 2567 ( 17:25 )
53
“อย่ามาแหยมกับแมว”  สู่อย่าทำร้าย “หมวยเล็ก”  เมื่อชาวเน็ตลุกขึ้นสู้เพื่อสัตว์เลี้ยง

หมายเหตุบทความนี้มีการสปอยล์เนื้อหาสารคดี Don’t F**k With Cats


จากวิดีโอที่กำลังเป็นที่ถกเถียงในสังคมเป็นวงกว้าง กับคลิปราดน้ำร้อนใส่ ”หมวยเล็ก” สุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี จนส่งเสียงร้องโหยหวน ทุกข์ทรมานกับสิ่งที่ได้รับ สะเทือนใจคนรักสัตว์ จนเกิดการตามล่าว่า ใครกัน ที่กระทำการอันโหดร้ายถึงเพียงนี้ 


ด้วยพลังแห่งโซเชียล บวกกับความรักสัตว์อันแรงกล้าของคนไทย ส่งผลให้พบผู้กระทำผิดได้อย่างรวดเร็ว หลายคนต่างเข้าไปประณามใน Facebook ส่วนตัวของบุคคลดังกล่าว ขณะที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้ออกมาดำเนินคดีข้อหาทารุณกรรมสัตว์ จนคนที่กระทำผิดต้องออกมาโพสต์ขอโทษ 


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ที่ไทยเท่านั้น แต่การทรมานสัตว์เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทำให้หวนนึกถึงคดีดังระดับโลก ที่มีบุคคลปริศนารายหนึ่งโพสต์คลิปทารุณกรรมลูกแมวบนโลกออนไลน์ ส่งผลให้ชาวเน็ตทั่วโลกร่วมมือกัน เพื่อตามล่าบุคคลนั้น สั่งสอนให้เขารับบทเรียนว่า ถ้า “มาแหยมกับแมว” ชีวิตจะลงเอยอย่างไร 


---‘1 Boy 2 Kittens’ คลิปสะเทือนใจคนรักแมว---


จุดเริ่มต้นของเรื่องราวนี้ ต้องย้อนไปเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2010 เมื่อคลิปวิดีโอหนึ่ง ชื่อว่า “1 Boy 2 Kittens” โพสต์ลงบน YouTube ในคลิปวิดีโอเผยให้เห็นภาพชายคนหนึ่ง ซึ่งสวมเสื้อฮู้ดสีเขียว เอาลูกแมว 2 ตัว ไปใส่ไว้ในถุงพลาสติก แล้วทรมานพวกมันด้วยการใช้เครื่องดูดฝุ่น เพื่อเอาอากาศออก ทำให้แมวทั้ง 2 ตัว ค่อย ๆ ขาดอากาศหายใจตาย


คลิปวิดีโอดังกล่าว กลายเป็นไวรัลไปทั่วโลก ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศรวมตัวกันเข้ากลุ่ม Facebook ชื่อว่า "Find the Vacuumer Kitten Killer for Great Justice." หรือ ตามล่านักฆ่าแมวดูดฝุ่น เพื่อทวงความยุติธรรม จุดประสงค์ของกลุ่มคือ พวกเขาต้องการตามหาว่า ชายฮู้ดเขียวนั้นคือใคร 


สมาชิกในกลุ่มต่างช่วยกันหาเบาะแสจากวัตถุต่าง ๆ ภายในห้องที่ปรากฎ อยู่ในวิดีโอ ตั้งแต่ผ้าคลุมเตียงไปจนถึงรุ่นของเครื่องดูดฝุ่น บางคนถึงขั้นวิเคราะห์จากภาพถ่ายที่ถอดมาจากวิดีโอทีละเฟรม เพื่อดูว่า สถานที่ชายคนดังกล่าวอยู่ที่ไหน 

 

ด้วยความพยายามและความสามารถทั้งหมดที่มีของเหล่านักสืบออนไลน์ทำให้เดือนมกราคม 2011 พวกเขาได้ทราบชื่อของชายคนดังกล่าว คือ “ลูก้า แม็กโนตา” 


---ตามล่าหาตัวนักฆ่าแมวเครื่องดูดฝุ่น---


ถึงแม้ว่า พวกเขาจะรู้ว่า “แม็กโนตา” คือ ชายฮู้ดเขียว ที่สังหารลูกแมว 2 ตัว แล้ว แต่การตามหาว่า เขาอยู่ที่ไหนเป็นเรื่องที่ยากมาก โดยเฉพาะเมื่อแม็กโนตา ได้เข้ามาแฝงตัวอยู่ในกลุ่ม Facebook ด้วย จึงทำให้สมาชิกบางส่วนของกลุ่มออกไปตั้งกลุ่มปิดแยก เพื่อสืบหาตัวแม็กโนตาต่อ 


พวกเขาพบรูปถ่ายใบหนึ่งของแม็กโนตา ถูกถ่ายที่โตรอนโต แคนาดา ทำให้พวกเขาสันนิษฐานว่า แม็กโนตา น่าจะอยู่ที่แคนาดา และได้ติดต่อ Ontario SPCA ซึ่งเป็นองค์กรที่ดูแลเรื่องสวัสดิภาพสัตว์ของแคนาดา แต่ท้ายที่สุดแล้ว การสืบสวนก็ต้องมาถึงทางตัน ณ ตอนนั้นพวกเขาไม่สามารถเอาผิดอะไรกับแม็กโนตาได้ 


---คลิปทารุณกรรมสัตว์ถูกปล่อยต่อเนื่อง---


กระทั่งในช่วงเดือนธันวาคม 2011 วิดีโอชื่อ ‘Python Christmas’ ถูกอัปโหลดผ่านแพลตฟอร์ม Flix เป็นคลิปที่แสดงให้เห็นภาพว่า งูเหลือมกำลังกินลูกแมวเข้าไป 


วิดีโอดังกล่าว โพสต์โดยผู้ใช้บัญชีในอังกฤษ และทางนักสืบออนไลน์ได้ขุดค้นจนพบเบาะแสว่า มีความเชื่อมโยงกับแม็กโนตา ทำให้พวกเขา คาดว่า ณ เวลานั้น แม็กโนตาน่าจะอยู่ที่อังกฤษ แต่ต่อมาแม็กโนตาก็ออกมาให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ The Sun เพื่อปฏิเสธว่า ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิดีโอดังกล่าว 


---หวั่นความรุนแรงบานปลาย---


หลังจากการให้สัมภาษณ์กับทาง The Sun นักข่าวที่ทางแม็กโนตาให้สัมภาษณ์ ก็ได้รับอีเมลปริศนาจากคนที่ชื่อว่า ‘จอห์น คิลไบรด์’ ซึ่งเป็นชื่อหนึ่งในเหยื่อของฆาตกรคู่รักต่อเนื่องชื่อดังอย่างเอียน เบรดี้ และไมรา ฮินด์ลีย์ 


ในอีเมลดังกล่าว ระบุว่า ครั้งต่อไปที่คุณจะได้ยินเรื่องจากฉัน จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับมนุษย์ ไม่ใช่สัตว์อีกต่อไป ซึ่งหมายความว่า ผู้ที่ต้องการส่งอีเมลฉบับนี้ มีความต้องการที่จะเริ่มใช้ความรุนแรงกับมนุษย์


ต่อมาในปี 2012 บรรดานักสืบออนไลน์ยังไม่ลดละความพยายาม พวกเขาเจอหลักฐานที่ระบุว่า แม็กโนตากลับมาอาศัยอยู่ในรัฐมอนทรีออล และได้แจ้งความกับตำรวจที่นั่น แต่ตำรวจปฏิเสธที่จะทำการสืบสวนเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่า “มันก็แค่แมว” ทำให้แม็กโนตายังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการสอบสวนสักที และคนในกลุ่มก็เริ่มหวั่นว่า ความรุนแรงอาจจะมากขึ้น จนเลยเถิดไปสู่การทำร้ายมนุษย์ 


---จาก “ฆ่าแมว” สู่ “ฆ่าคน”---


แม็กโนตายังคงเคลื่อนไหวในโซเชียลมีเดียอยู่เรื่อย ๆ แต่เนื้อหาที่เขาโพสต์มักไปไปในทิศทางที่รุนแรงขึ้น เขาสร้างเนื้อหาเกี่ยวกับฆาตรกรต่อเนื่อง หรือ การกินเนื้อคน 


จนกระทั่ง วิดีโอที่ชื่อ 1 Lunatic, 1 Ice Pick ถูกโพสต์ลงในช่วงเดือนพฤษภาคม 2012 ที่แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายทารุณต่อชายคนหนึ่ง มีการตัดอวัยวะของชายคนดังกล่าว 


หลังจากที่คลิปดังกล่าว ถูกเผยแพร่ไปตามเว็บไซต์ต่าง ๆ เหล่านักสืบรู้ทันทีเลยว่า ฆาตกรก็คือ แม็กโนตา และเขาได้ส่งชิ้นส่วนของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายไปยังสถานที่ต่าง ๆ ในแคนาดา 


ชายที่ถูกกระทำในวิดีโอคนดังกล่าว ถูกระบุในภายหลังว่าคือ ‘ลิน จุน’ นักศึกษาชาวจีน จากมหาวิทยาลัยคอนคอร์เดีย ถูกพบเห็นเป็นครั้งสุดท้ายในวันที่ 24 พฤษภาคม 2012 


---ปิดฉากฆาตกรแมวเครื่องดูดฝุ่น---


จากการ “ฆ่าแมว” สู่ “ฆ่าคน” ท้ายที่สุด ‘แม็กโนตา’ ก็กลายเป็นบุคคลที่ทั่วโลกต้องการตัวมากที่สุด เจ้าหน้าที่ตำรวจจากหลากหลายประเทศเปิดฉากตามล่าเขา เพื่อนำตัวมาลงโทษ และในวันที่ 4 มิถุนายน ปี 2012 แม็กโนตาก็ถูกจับกุมที่กรุงเบอร์ลิน เยอรมนี ปิดฉากฆาตกรแมวสู่คน 


หลังจากการตามล่ามาเป็นเวลานาถึง 2 ปี ในที่สุดวันที่ 23 ธันวาคม 2014 คณะลูกขุนตัดสินให้แม็กโนตามีความผิดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แม้ว่าทีมทนายจะโต้แย้งว่า เขาไม่มีความผิด ด้วยเหตุผลทางสุขภาพจิต แต่ทางอัยการได้โต้แย้งว่า เขาแกล้งว่าป่วยเป็นโรคจิตเภท และนั่นส่งผลให้เขาได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต และจะมีสิทธิ์ได้รับทัณฑ์บนเมื่อติดคุกไปแล้ว 25 ปี 


จากเหตุการณ์ของ “แม็กโนตา” สู่เหตุการณ์ “หมวยเล็ก” สะท้อนให้เห็นจุดร่วมของสังคมที่มีเหมือนกัน นั่นคือ ความเห็นอกเห็นใจของเพื่อนร่วมโลก ที่มนุษย์เรายังคงมีอยู่ และพร้อมที่จะต่อสู้ เพื่อทวงความยุติธรรมให้กับสัตว์เหล่านี้ แม้ว่า พวกมันจะไม่สามารถพูดภาษามนุษย์ได้เลยก็ตาม 


แปลพรวษา ภักตร์ดวงจันทร์

ข้อมูลอ้างอิง:

https://www.cosmopolitan.com/entertainment/tv/a30274355/dont-fuck-with-cats-netflix-true-story-timeline/

https://www.independent.co.uk/arts-entertainment/tv/news/don-t-fuck-with-cats-netflix-luka-magnotta-documentary-review-a9257931.html

ข่าวที่เกี่ยวข้อง