สมุทรสาครเตรียมตรวจ ภูมิคุ้มกันหมู่ จากกลุ่มเสี่ยงเริ่ม 15 ก.พ.นี้
วันนี้ (13ก.พ.64) หลังจากจังหวัดสมุทรสาครเริ่มมาตรการคุมเข้มโรงงานขนาดใหญ่ โดยมี 9 โรงงานที่ใช้วิธี bubble & seal ห้ามลูกจ้างออกนอกเคหะสถาน ให้มาทำงาน และตรงกลับบ้าน ห้ามแวะเข้าไปซื้อของในร้านค้า ตลาดสด ตลาดนัด หรือสถานที่ชุมชนที่มีประชาชนหนาแน่น ตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา
นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า โรงงานทั้งหมดให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งนี้ ตามแผนการทำ bubble & seal ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ จะตรวจหาภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือ “แอนตี้บอดี้” และรอไปอีก 14 วัน คือวันที่ 28 กุมภาพันธ์ จะตรวจอีกครั้ง หลังจากนั้นกระบวนการทำ bubble & seal น่าจะเสร็จสิ้น
สำหรับทั้ง 9 โรงงาน มีลูกจ้างทั้งหมด 50,000 กว่าคน ในจำนวนนี้ 10,000 กว่าคน ตรวจพบเชื้อโควิด บางส่วนรักษาหายและกลับไปทำงานแล้ว ส่วนอีก 40,000 กว่าคน ตรวจไม่พบเชื้อ
นพ.นเรศฤทธิ์ ขัดธะสีมา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า วันที่ 15 กุมภาพันธ์ จะระดมทีมตรวจพนักงานใน 9 โรงงาน โดยจะตรวจเฉพาะพนักงาน 40,000 กว่าคน ที่เคยตรวจโควิดรอบแรก ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม และผลออกมาไม่พบเชื้อ
ส่วนพนักงานที่ติดเชื้อรอบแรก ประมาณ 10,000 กว่าคน ที่บางส่วนรักษาหายและกลับเข้ามาทำงานแล้วจะไม่ตรวจอีก เพราะมีโอกาสน้อยมากที่จะกลับมาติดโควิดซ้ำ เนื่องจากกลุ่มนี้ส่วนมากจะมีภูมิคุ้มกันทำให้ไม่ติดเชื้ออีก
สำหรับ กระบวนการตรวจเชื้อรอบที่สองนี้ คาดว่าจะใช้เวลาตรวจประมาณ 4 วัน หลังจากนั้นวันที่ 28 กุมภาพันธ์ จะตรวจซ้ำอีกครั้ง
ทั้งนี้ การตรวจเชื้อโควิดรอบนี้จะไม่ใช่การตรวจหา "แอนติเจน"แต่จะใช้วิธีตรวจหาภูมิคุ้มกัน ซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือ “แอนตี้บอดี้”กับพนักงานที่เคยตรวจหาเชื้อรอบแรกแล้วไม่พบเชื้อ เพื่อพิสูจน์ว่าใครติดเชื้อและมีภูมิคุ้มกัน จัดเป็นการคัดกรองคนที่ติดเชื้อโควิดออกมา ซึ่งกลุ่มที่ผ่านการตรวจรอบแรกและไม่พบเชื้อ ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง เมื่อผ่านไป 14 วัน กลุ่มนี้หากเชื้อฟักตัวจะฟักตัวไปนานแล้ว บางคนอาจติดเชื้อโควิด ไม่แสดงอาการป่วย และหายป่วยแล้ว และร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
สำหรับการตรวจหา แอนตี้บอดี้จะมีราคาค่าตรวจประมาณ 300 บาท ต่อคน ได้ผลดีและประหยัดกว่า หากเทียบกับการตรวจหาเชื้อปกติ ที่มีค่าตรวจประมาณ 1,600 บาท ต่อ คน