DC Studios เดินหน้าแก้ไขปัญหาที่ทำให้จักรวาล DCEU ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ควร
หลังจากที่ได้รับการพัฒนามานานเกือบ 10 ปี แต่แฟรนไชส์ DCEU (DC Extended Universe) ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก โดยมีปัญหาภายในระหว่างผู้สร้างและสตูดิโอมากมาย ทำให้เส้นเรื่องและโทนของ DCEU นั้นไม่มีความชัดเจน กอปรกับการที่ Warner Bros. ได้ควบรวมกิจการเข้ากับ Discovery ภายใต้ชื่อ Warner Bros. Discovery ก็ทำให้มีการตัดโปรเจ็กต์ที่ผู้บริหารมองว่าจะไม่ทำกำไรออกไป
แต่ล่าสุด เจมส์ กันน์ (James Gunn) ผู้กำกับ/เขียนท ที่สร้างชื่อมาจาก ‘Guardians of the Galaxy’ ท้้ง 2 ภาค ของ Marvel Studios และ ‘The Suicide Squad’ ของ Warner Bros. ก็ได้มาเป็นผู้นำ DC Studios ซึ่งเป็นแผนกที่ดูแลงานสร้างภาพยนตร์และซีรีส์ใน DCEU โดยตรง พร้อมกับมีแนวโน้มว่า DC Studios จะเข้ามาแก้ปัญหาต่าง ๆ และกำหนดเส้นทางของ DCEU หรือที่เปลี่ยนเป็นชื่อ DCU (DC Universe) ให้เป็นไปตามที่แฟน ๆ ต้องการมากขึ้น
DCU กำลังวางแผนใหญ่
ปัญหาหลักของ DCU คือขาดการวางแผนที่ชัดเจน โดยในอดีตนั้น แซ็ก สไนเดอร์ (Zack Snyder) เคยวางแผนเส้นเรื่องของ DCU เอาไว้ 5 ส่วนใหญ่ ๆ พร้อมด้วยภาพยนตร์ในเส้นเรื่องหลักและภาพยนตร์ภาคแยกมากมาย แต่ Warner Bros. ตัดสินใจจะเลือกเส้นทางที่ต่างออกไปจาก ‘Justice League’ ของสไนเดอร์ หลังจากที่ ‘Batman v Superman’ ได้รับการแสตอบรับในแง่ลบเป็นอย่างมาก
นั่นำทำให้ Warner Bros. และสไนเดอร์แยกทางกันเดิน และทำให้เส้นเรื่องของ DCU ไม่มีความชัดเจนนับตั้งแต่นั้น แต่ในที่สุดปัญหานี้กำลังจะได้รับการแก้ไขด้วยแผนการ 10 ปี ของ DC Studios เพื่อสร้างคัมภีร์ไบเบิลของ DC สำหรับแฟรนไชส์ทั้งหมดให้มีความเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งจะเป็นการฟื้นฟูแฟรนไชส์ที่เสียหายจากการละเลยวิสัยทัศน์ของสไนเดอร์ให้กลับมาเดินหน้าเต็มศักยภาพอีกครั้ง
นำตัวละครสำคัญใน DCU กลับมา
เป็นที่ทราบกันดีว่าตัวละครหลักของ DCU ตามแผนของสไนเดอร์ได้แยกย้ายกันไป รวมถึงโปรเจ็กต์ Superman ที่รับบทโดย เฮนรี แควิลล์ (Henry Cavill) ได้ถูกยกเลิกไป จนกระทั่งแควิลล์ได้กลับมาปรากฏตัวในมาดบุรุษเหล็กนี้อีกครั้งในฉาก End Credit ของ ‘Black Adam’ รวมถึง เบน แอฟเฟล็ก (Ben Affleck) ที่จะร่วมปรากฏตัวในบท Batman ใน ‘The Flash’ และ ‘Aquaman and the Lost Kingdom’ เป็นการบ่งบอกถึงการกลับมารวมทีมกันอีกครั้งของตัวละครหลักในแฟรนไชส์นี้
ไม่ขัดแย้งกับฐานแฟน ๆ ของตัวเอง
เดิมทีนั้น สตูดิโอมักจะมีความขัดแย้งกับแฟน ๆ ของตนอยู่เป็นระยะ แต่สำหรับกันน์ที่เข้ามาเป็นหัวหอกนำทีมพัฒนาของ DC Studios ก็ได้ตอบกลับอย่างนิ่มนวลและให้ความหวังกับแฟน ๆ ได้อย่างน่าชื่นชม ยกตัวอย่างเช่น กระแสที่แฟน ๆ เรียกร้องให้สตูดิโอปล่อย ‘Suicide Squad’ เวอร์ชัน Ayer Cut ออกมา เขาก็แบ่งรับแบ่งสู้ว่า “ทางเราไม่ได้ปิดกันไอเดียนี้ และขอแจ้งว่าเราได้รับทราบถึงความต้องการที่แตกต่างกันของแฟน ๆ ที่มีต่อเส้นทางของ DC ในอนาคต”
อีกส่งที่น่าสนใจคือ หลังจากที่ วอลเตอร์ ฮามาดะ (Walter Hamada) ประธานของ DC Films ได้แยกทางออกไป เรย์ ฟิชเชอร์ (Ray Fisher) ที่เคยมีปัญหาไม่ลงรอยกับสตูดิโอก็ดูเหมือนจะกลับมารับบท Cyborg อีกครั้ง จึงทำให้มีความเป็นไปได้ว่าทีม Justice League จะกลับมารวมทีมอีกครั้ง
DCU เดินหน้าภายใต้สตูดิโอของตัวเอง
ก่อนหน้านี้ Warner Bros. ได้ตัดเรื่องราวหลายส่วนของ ‘Batman v Superman: Dawn of Justice’ และ ‘Justice League’ ออก เพื่อให้เดินเรื่องไปในทิศทางที่ต้องการ ซึ่งเป็นการทำลายตัวภาพยนตร์ไปพร้อมกัน
นั่นคือสิ่งที่กันน์เข้ามาแก้ไข โดยเขาในฐานะที่เป็นผู้สร้างภาพยนตร์เช่นกัน ได้เปิดกว้างในการสนับสนุนผู้สร้างภาพยนตร์คนอื่น ๆ อย่างเต็มที่ ยกตัวอย่งาเช่นการที่เขาผลักดันให้ ‘The Suicide Squad’ และซีรีส์ ‘Peacemaker’ ได้เรต R และเป็นการสะท้อนถึงยุคสมัยของ Warner Bros. ที่ปกครอง DCU นั้นกำลังจะจบลง
เป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น
ด้วยความสำเร็จของ ‘The Suicide Squad’ และซีรีส์ ‘Peacemaker’ ได้แสดงให้เห็นว่ากันน์ได้วางให้ภาพยนตร์และซีรีส์ต่อไปในอนาคตของ DCU มีความเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อน รวมถึงได้ทวีตมากมายเกี่ยวกับตัวละครใหม่ที่แทบจะไม่มีใครรู้จัก เช่น Bat-Mite และ Mister Terrific และการขยายเรื่องราวที่สำคัญของตัวละครใน DCU กอปรกับการที่ ‘Black Adam’ ของเดวย์น จอห์นสัน (Dwayne Johnson) ได้สร้างโลกซูเปอร์ฮีโรขึ้นมาใหม่ ก็เป็นปัจจัยที่กันน์สามารถหยิบไปขยายความเพื่อสร้างพื้นฐานของแฟรนไชส์ DCU ยุคใหม่ได้อีกไกล