รีเซต

"ทรัมป์" ขอทวงธุรกิจคืน ขึ้นภาษีภาพยนตร์ต่างประเทศ 100% สะเทือนถึงไทย

"ทรัมป์" ขอทวงธุรกิจคืน ขึ้นภาษีภาพยนตร์ต่างประเทศ 100% สะเทือนถึงไทย
TNN ช่อง16
8 ตุลาคม 2568 ( 08:00 )
13

"ทรัมป์ " ลั่นถูกต่างชาติขโมยธุรกิจภาพยนตร์ หลังจากนี้จัดหนัก ขึ้นภาษี 100%


ทรัมป์จะไม่ทนอีกต่อไป บอกว่าต่างประเทศขโมยธุรกิจภาพยนตร์ไปจากคนอเมริกัน เหมือนกับขโมยขนมไปจากเด็ก และวันนี้ ถึงเวลาทวงคืนแล้ว เลยเตรียมขึ้นภาษีจัดหนัก รีดหนังที่ถ่ายนอกประเทศทุกเรื่อง 100% หวังให้ฮอลลีวูดกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง 


กลับมาทวงทุกอย่างคืน อยากเป็นศูนย์ของโลกภาพยนตร์เพียงแค่ประเทศเดียวเท่านั้น  เมื่อ "โดนัลด์ ทรัมป์" ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษี 100% สำหรับภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ผลิตหรือถ่ายทำในต่างประเทศแล้วเข้ามาฉายในสหรัฐฯ เป็นการออกมาย้ำอีกครั้งเมื่อสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา หลังจากเคยขู่ไปแล้วรอบนึงเมื่อเดือนพฤษภาคม และอาจสั่นสะเทือนโมเดลธุรกิจโลกของฮอลลีวูด


โดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ใน Truth Social ระบุว่า “ “ธุรกิจหนังของคนอเมริกันถูกขโมยไปจากสหรัฐอเมริกาโดยประเทศต่างๆ เหมือนกับการขโมยลูกกวาดหรือขโมยขนมไปจากเด็กน้อย โดยเฉพาะแคลิฟอร์เนีย ที่ซึ่งผู้ว่าการรัฐทั้งอ่อนแอและไร้ความสามารถที่โดนหนักที่สุด ดังนั้นเพื่อที่จะแก้ปัญหาที่มีมานานและไร้จุดจบนี้ให้ได้เสียที ทรัมป์ระบุว่าเขาจะเก็บภาษี 100% จากหนังเรื่องใดก็ตามที่ถ่ายทำหรือผลิตนอกสหรัฐอเมริกา


เป็นมาตรการที่แสดงให้เราเห็นว่า ทรัมป์นั้นมีความตั้งใจที่จะขยายแนวทางเรื่องการกีดกันทางการค้าไปสู่กลุ่มอุตสาหกรรมวัฒนธรรมด้วย หลังจากที่เดินหน้าขึ้นภาษีสินค้าต่างๆมาแล้วอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่รถยนต์ ไปถึงเหล็ก และยารักษาโรค และบีบให้โรงงานย้ายฐานการผลิตมาตั้งในสหรัฐฯ ให้มากที่สุด 


 และสำหรับคราวนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นคิวของอุตสาหกรรมบันเทิงบ้างแล้ว ที่จะต้องผลิตหรือตั้งโรงถ่ายแค่ในสหรัฐฯ เพราะภาษีดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่ และจะสร้างความเสี่ยงให้กับบรรดาสตูดิโอต่างๆ โดยเฉพาะเจ้าใหญ่ๆ ที่พึ่งพาการร่วมผลิตข้ามชาติและจะไปกระทบต่อรายได้จากหนังจากประเทศ หรือบ็อกซ์ออฟฟิศต่างประเทศด้วย เพราะต้นทุนก็จะแพงขึ้นอย่างแน่นอน  และนักวิเคราะห์เองก็มองว่าสุดท้ายผู้บริโภคจะต้องเป็นคนแบกรับค่าใช้จ่ายเหล่านั้น หรือพูดง่ายๆ ค่าตั๋วหนัง ค่าสตรีมมิงจะต้องแพงขึ้นนั่นเอง 


นโยบายสุดโต่งของทรัมป์ แม้กระทั่งคนทำหนังอเมริกันเอง ยังต้องตะลึง มีทั้งเสียงเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ออกมาพร้อมๆกัน ย้อนกลับไปช่วงเดือนพฤษภาคม หลังจากที่ทรัมป์ได้ออกมาพูดเรื่องการรีด“ภาษีภาพยนตร์”ครั้งแรก  ทางกลุ่มสหภาพแรงงานและสมาคมภาพยนตร์อเมริกันก็ได้ทำจดหมายถึงทรัมป์ทันที ขอให้เขาสนับสนุนมาตรการลดภาษีเพื่อกระตุ้นหรือจูงใจให้มีการผลิตภาพยนตร์ในประเทศ แทนที่จะเดินหน้าเก็บภาษีนำเข้า เพื่อผลักดันให้การผลิตการถ่ายทำหนังต่างๆ กลับเข้ามาสู่สหรัฐอเมริกามากขึ้น 


สำหรับรายได้ของอุตสาหกรรมภาพยนตร์สหรัฐฯ ตามข้อมูลของสมาคมภาพยนตร์ (Motion Picture Association) ระบุว่า ที่ผ่านมาในปี 2023 มีดุลการค้าเกินดุลอยู่ 15,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยได้แรงหนุนจากมูลค่าการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ 22,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ


ขณะที่ความเห็นจากผู้บริหารสตูดิโอที่เคยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อต้นปีนี้ว่า บอกว่า พวกเขารู้สึกสับสนกับการบังคับใช้ภาษีภาพยนตร์ว่าจะออกมาในรูปแบบหรือเงื่อนไขอย่างไรบ้าง  เพราะผลิตภาพยนตร์ในยุคนี้มักมีการใช้ไม่ได้เกิดขึ้นทีเดียวเป็นก้อนเดียวเหมือนกับสมัยก่อน แต่จะมีกระบวนการผลิต กระจายงานออกไปในหลายประเทศ ก่อนจะมารวมกันเป็นหนังหนึ่งเรื่อง และจะกระทบแรงงานสหรัฐฯจำนวนมากที่ทำงานในกองถ่ายต่างประเทศ 

จับตา "ภาษีภาพยนตร์" ทรัมป์  กระทบธุรกิจกองถ่ายหนังต่างชาติเข้าไทย หลังโกยรายได้ครึ่งปีเกือบสามพันล้านบาท


ประเทศไทยหนีไม่พ้น เราจะต้องรับผลกระทบจากภาษีภาพยนตร์ของสหรัฐฯ อย่างแน่นอน หลังจากที่ผ่านมาเราโกยรายได้เข้าประเทศอย่างมหาศาล โดยเฉพาะเงินจากกองถ่ายหนังต่างประเทศ หลายเรื่องเป็นหนังฟอร์มยักษ์หนังดัง เช่น ล่าสุด เรื่องจูราสิค เวิร์ด หรือซีรีส์ ไวท์ โลตัส ที่มีลิซ่า นอกจากจะสร้างงานกระจายรายได้ ยังช่วยชวนโปรโมทการท่องเที่ยวไทยได้อีกด้วย 


ต้นปีที่ผ่านมา กระแสของ ซีรีส์ The White Lotus ซีซัน 3 มาแรงอย่างมากทั่วโลก เป็นซีรีส์อเมริกันที่ใช้ประเทศไทยเป็นโลเคชัน และมีลิซ่า ลลิษา มโนบาล หรือลิซ่า แบล็กพิงค์ ไอดอลชาวไทยระดับโลกร่วมแสดงด้วย ตัวหนังมีการถ่ายทำที่ภูเก็ต เกาะสมุย และกรุงเทพฯ และทำให้เกิดการค้นหาทางออนไลน์เกี่ยวกับสถานที่เหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว Expedia รายงานว่าอัตราการค้นหาเที่ยวบินไปเชียงใหม่เพิ่มขึ้นถึง 65% ขณะที่ภูเก็ตเพิ่ม 45% และเกาะสมุยเพิ่ม 30% ในช่วงเวลาเดียวกัน ส่วน Agoda พบว่าการค้นหาที่พักในเกาะสมุยพุ่งขึ้นกว่า 12% หลังจากที่ซีรีส์เปิดตัว 


ข้อมูลจาก travelandtourworld ระบุว่าเกาะสมุยมีอัตราการจองโรงแรมเพิ่มขึ้นถึง 44% และราคาห้องพักเฉลี่ยสูงขึ้นราว 28% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โรงแรมและรีสอร์ตที่ถูกใช้ถ่ายทำกลายเป็นจุดหมายใหม่สำหรับแพ็กเกจ “ทัวร์ตามรอย White Lotus” ขณะที่ธุรกิจร้านอาหาร สายการบิน ไปจนถึงการบริการท้องถิ่นก็ได้รับอานิสงส์โดยตรง สะท้อนให้เห็นเลยแค่ซีรีส์เรื่องเดียวก็สามารถสร้างแรงกระเพื่อมทางเศรษฐกิจได้


กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานข้อมูลจากกองกิจการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ต่างประเทศว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 30 มิถุนายน มีการถ่ายทำภาพยนตร์และซีรีส์ต่างประเทศในไทยแล้วกว่า 279 เรื่อง จากผู้ผลิตทั่วโลก สามารถสร้างรายได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยรวม 2,866 ล้านบาท 


ถามว่าประเทศไหนที่เลือกเมืองไทยเป็นโลเคชันถ่ายทำมากที่สุดในปีนี้ คำตอบ คือ อินเดีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และจีน โดยพื้นที่ที่ถูกใช้ถ่ายทำมากที่สุดสามอันดับแรก คือ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี และชลบุรี 


หนึ่งในมาตรการสำคัญของไทย คือ การคืนเงิน (Cash Rebate) ให้กับกองถ่ายต่างชาติสูงสุด 30% ของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในไทย  กรมการท่องเที่ยวได้เริ่มประกาศใช้ Cash Rebate มาตั้งแต่ปี 2560 โดยกำหนดให้กองถ่ายต่างชาติที่มีค่าใช้จ่ายในประเทศตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป สามารถขอรับสิทธิคืนเงินได้สูงสุด 20% และจำกัดเพดานไม่เกิน 150 ล้านบาทต่อเรื่อง 


ต่อมาจึงมีการปรับปรุงเป็นแบบขั้นบันไดตามมูลค่าการลงทุน เช่น ลงทุน 50 ล้านบาท คืน 15% ลงทุน 100 ล้านบาท คืน 20% และลงทุน 150 ล้านบาท คืน 25% พร้อมสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากการจ้างงานคนไทย การใช้บริการโพสต์โปรดักชัน และการถ่ายทำในเมืองรอง ซึ่งเมื่อรวมแล้วสามารถขอคืนได้สูงสุดถึง 30% 


โดยสิ่งที่ประเทศไทยจะได้รับกลับมา คือ เม็ดเงินที่กระจายออกไปสู่ธุรกิจต่อเนื่องอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ร้านอาหาร บริการขนส่ง ธุรกิจท่องเที่ยว และผู้ประกอบการในชุมชนท้องถิ่น มีสร้างงานและการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายระดับ โดยเฉพาะเมืองรอง เพิ่มการจ้างงาน และใช้คนไทย หรือบุคลากรไทยในงานด้านภาพยนตร์มากขึ้น ช่วยเพิ่มทักษะและความเชี่ยวชาญของคนไทยในอุตสาหกรรมนี้ต่อไป 


สำหรับรายได้จากกองถ่ายต่างชาติของไทยมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2560–2567 มีภาพยนตร์ต่างชาติรวม 72 เรื่องที่ได้รับสิทธิการส่งเสริมการถ่ายทำ คิดเป็นเงินลงทุนรวม 16,102 ล้านบาท และมีการคืนเงินไปแล้วกว่า 1,534 ล้านบาท


ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง