รีเซต

ด่วน! ไทยพบสายพันธุ์ย่อยเชื้อเดลต้า ยันไม่ใช่สายพันธุ์ใหม่ ไม่ใช่สายพันธุ์ไทย

ด่วน! ไทยพบสายพันธุ์ย่อยเชื้อเดลต้า ยันไม่ใช่สายพันธุ์ใหม่ ไม่ใช่สายพันธุ์ไทย
ข่าวสด
24 สิงหาคม 2564 ( 13:21 )
45

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงผลการติดเชื้อเฝ้าระวังเชื้อโควิด พบเดลต้า กระจายเต็มพื้นที่ ตรวจพบโควิดสายพันธุ์ย่อยของเดลตาในไทย ยันไม่ใช่สายพันธุ์ใหม่

 

 

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 24 ส.ค.64 ที่ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงข่าวประเด็น : การเฝ้าระวังสายพันธุ์และการกลายพันธุ์โควิด 19 และสายพันธุ์ย่อยของเดลตาในไทย ว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีการตรวจไป 2,295 ตัวอย่าง พบเดลตามากที่สุด โดยภาพรวมประเทศอยู่ที่ 92.9% ส่วนในกรุงเทพมหานครพบ 96.7% จากจำนวน 1,531 ตัวอย่าง ส่วนภูมิภาค 85.2% จาก 764 ตัวอย่าง บอกได้ชัดว่า สายพันธุ์เดลตากระจายอยู่ทั่วประเทศ ถือว่า เดลตาเป็นสายพันธุ์หลักในการติดเชื้อของไทย ส่วนเบตา ยังพบในโซนภาคใต้ส่วนล่าง โดยเฉพาะที่ติดมาเลเซีย ส่วนที่เคยเจอจ.บึงกาฬ และกรุงเทพฯ ขณะนี้ไม่มีแล้ว ดังนั้น สัปดาห์ที่ผ่านมาพบเพียง 29 รายในภาคใต้ โดยนราธิวาสมากสุด 15 ราย นอกนั้นมีกระบี่ ภูเก็ต ปัตตานี และสงขลา

 

 

 

“เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาทางศูนย์จีโนมทางการแพทย์ ของรามาฯได้วิเคราะห์สายพันธุ์ย่อยของเดลตา ซึ่งปัจจุบัน คือ สายพันธุ์รหัส B.1.617.2 เป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อมีการระบาดจำนวนมาก ก็เกิดสายพันธุ์ย่อยๆ ขึ้นมา ซึ่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ก็ตรวจพบเช่นกัน อยู่ระหว่างติดตาม ว่า แตกต่างหรือมีความรุนแรงอย่างไร มีจำนวนมากน้อยแค่ไหน เบื้องต้นยังไม่พบข้อแตกต่าง” นพ.ศุภกิจ กล่าว

 

 

ทั้งนี้ สำหรับสายพันธุ์ย่อยที่พบครั้งนี้ ต้องเรียนก่อนว่า ไม่ได้มีเฉพาะประเทศไทย ยังมีอีกหลายประเทศ ทั้งอังกฤษ สเปน เดนมาร์ก มีรายงานเช่นกัน ดังนั้น อย่าไปสรุปว่าเป็นสายพันธุ์ของไทย แต่เราต้องจับตามองว่า สายพันธุ์นี้จะมีผลต่อการควบคุมโรคหรือไม่ ซึ่งมีการติดตามต่อเนื่อง

 

 

"การพบสายพันธุ์ย่อยในเดลตานั้น ไม่ใช่สายพันธุ์ไทย และไม่ใช่สายพันธุ์ใหม่ แต่ 4 สายพันธุ์ย่อยนี้เป็นลูกหลานของเดลตาที่เราพบในไทยอยู่แล้ว ยังไม่พบความรุนแรง หรือมีผลใดๆ และไม่เป็นปัญหากับระบบใดๆ โดยทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และเครือข่ายจะติดตามข้อมูลอย่างต่อเนื่อง จากฐานข้อมูลระดับโลกก็พบเช่นเดียวกัน ถือเป็นข้อดีให้จัดทำข้อมูลควบคุมโรคอย่างเหมาะสม"

 

 

 

ด้าน ศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จากการที่หลากหลายประเทศมีการถอดรหัสพันธุ์กรรมของโควิด ทั้งจีโนม (whole genome sequence) อย่างต่อเนื่องทุกอาทิตย์ หรือทุกเดือน และอัปโหลดขึ้นไว้บนระบบฐานข้อมูลจีโนมโควิดโลก “GISAID” โดยประเทศไทยก็มีการจัดทำข้อมูลดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันมี 3 ล้านตัวอย่างทั่วโลกช่วยกันซับมิทเข้าไป และจะมีการจัดหมวดหมู่แต่ละสายพันธุ์ และประมวลผลในรูปแบบของแผนภูมิต้นไม้ (Phylogenetic tree) คือ แผนภูมิที่แสดงถึงสายวิวัฒนาการจากลำต้น (สายพันธุ์ดั่งเดิม) ทั้งอัลฟา เดลตา แกมมา เบตา ซึ่งรูปแบบนี้จะทำให้เห็นถึงการกลายพันธุ์ได้ด้วย

 

 

ศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์ กล่าวว่า จากข้อมูลดังกล่าวพบว่า สายพันธุ์เดลตา มีการกลายพันธุ์หลุดออกมาถึง 60 ตำแหน่งเมื่อเทียบกับอู่ฮั่นเดิมจากจีโนมทั้งหมด 3 หมื่น ซึ่งการมีกลายพันธุ์ออกไปจำนวนมาก บ่งชี้ว่ามีการแพร่ระหว่างคนสู่คนมาก อย่างไรก็ตาม กรณีสายพันธุ์เดลตา จะมีตัวหลักที่เรียกว่า B.1.617.2 ซึ่งพบว่ามีการกระจายตัวแตกเป็นสายพันธุ์ย่อยถึง 27 สายพันธุ์ย่อย มีตั้งแต่ AY.1 ไปจนถึง AY..22

 

ข้อมูลนี้มาจากระบบ ไม่ใช่นักวิจัยทำกันเอง และเมื่อดูฐานข้อมูลของประเทศไทยจะพบว่า อัลฟา 11% เบตา 14% เดลตา 71% และสายพันธุ์ย่อยเดลตา พบดังนี้ AY.4 หรือ B.1.617.2.4 พบ 3% ในปทุมธานี 4 คน , AY.6 หรือ B.1.617.2.6 พบ 1% มี 1 คน , AY.10 หรือ B.1.617.2.10 พบ 1% หรือ 1 คนในกทม. และ AY.12 พบ 1 คนเป็นต้น ทั้งนี้ ข้อมูลที่มีการเก็บทั้งหมดจะรายงานว่า พบที่ไหน อย่างไร เมื่อไหร่ จำนวนเท่าไหร่ เพื่อติดตามการกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากนี้ต้องติดตาม AY ต่างๆมากขึ้น อย่างสายพันธุ์ย่อย AY.4 พบมากแถวปทุมธานี ส่วน AY.12 พบย่านพญาไท ที่เราพบบริเวณดังกล่าวเพราะมีการสุ่มบริเวณนั้น

 

 

ส่วนที่สงสัยว่าสายพันธุ์ย่อยมาจากไหนนั้น ศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์ กล่าวว่า หากพิจารณาสายพันธุ์ย่อยที่พบไม่ได้บ่งชี้ว่ามาจากสเตจคลอรันทีน หรือมาจากสนามบิน แต่กลับบ่งชี้ว่า เป็นลูกหลานของสายพันธุ์หลักเดลตาที่มีอยู่แล้วในประเทศไทย ส่วนสายพันธุ์หลักจะมาจากไหนก็ต้องไปว่ากันอีกที ว่า เราไปให้ประเทศเพื่อนบ้าน หรือเพื่อนบ้านให้เรา ดังนั้น เมื่อทราบข้อมูลก็จะนำไปสู่การควบคุมดูแลอีกแบบหนึ่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สายพันธุ์ย่อยดังกล่าว ยังไม่มีข้อมูลมารองรับว่าดื้อต่อวัคซีนหรือไม่ รวมไปถึงอาการต่างๆ เป็นต้น

 

 

นพ.สุรัคเมธ มหาศิริมงคล ผอ.สถาบันชีววิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า สายพันธุ์เดลตามีการอัปเดตตลอด และล่าสุดข้อมูลวันที่ 9 ส.ค.2564 ทำให้ทราบว่ามีสายพันธุ์ย่อย AY.1 ไปจนถึง.25 ทุกตัวของสายพันธุ์เดลตายังคุณสมบัติแพร่กระจายเร็ว อาการรุนแรง อย่างไรก็ตาม สำหรับเชื้อเดลตาพลัสที่อินเดียเคยรายงานนั้น คือ K417N ในไทยยังไม่เจอ อย่างไรก็ตาม กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้มีการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของเชื้อไวรัส ใช้เวลา 3-5 วันเราทำมาตลอด

 

 

โดยเราถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมล่าสุด 1,955 ตัวอย่าง พบว่าเป็นอัลฟา 71% ส่วนเดลตา 23% ซึ่งเป็นการสุ่มตรวจตั้งแต่ 28 พ.ค. เป็นข้อมูลพื้นฐานที่ทำให้เราพบสายพันธุ์เดลตาอยู่ อย่างไรก็ตาม AY.4 พบมากสุดในปทุมธานี 4 ตัวอย่าง AY.6 พบในกรุงเทพฯ 1 ตัวอย่าง AY.10 พบกรุงเทพฯ 1 ตัวย่าง และ AY.12 พบสุราษฎร์ธานี 2 ตัวอย่าง และกรุงเทพฯ 1 ตัวอย่าง ซึ่งเป็นข้อมูลตั้งแต่มิ.ย.ถึง ส.ค. โดยเราจะมีการติดตามและถอดรหัสพันธุกรรมอีก 6 พันตัวอย่าง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง