ผลศึกษาของซีดีซี พบ การไม่ฉีดวัคซีน เพิ่มโอกาสเสียชีวิตจากโควิดถึง 11 เท่า!
วันนี้ (11 ก.ย.64) ดร.โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือ ซีดีซี ได้หารือเกี่ยวกับผลการศึกษาดังกล่าวร่วมกับทีมป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 ประจำทำเนียบขาวในวันศุกร์ และกล่าวว่า ผลการศึกษา ซึ่งเผยแพร่ในรายงานอัตราการป่วยและเสียชีวิตประจำสัปดาห์ หรือ MMWR ของซีดีซี ได้ทำการประเมินผู้ป่วยโควิด-19 กว่า 600,000 ราย ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงกลางเดือนกรกฎาคม พบว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตรายวันจากไวรัสโควิดเฉลี่ย 7 วัน ยังสูงกว่า 1,000 ราย
ข้อมูลดังกล่าวมีขึ้นหนึ่งวันหลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน เปิดเผยมาตรการใหม่ 6 ประการ ในการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด ซึ่งรวมทั้งมาตรการบังคับให้หน่วยงานทุกภาคส่วนฉีดวัคซีน หรือไม่ก็ต้องตรวจหาเชื้อเป็นประจำ
ขณะเดียวกัน สหรัฐฯเผยแพร่ผลการศึกษา 3 ชิ้น พบว่า การฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 นั้น สามารถป้องกันการเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาลและการเสียชีวิตได้อย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าจะเป็นไวรัสสายพันธุ์เดลต้า (Delta) แต่การป้องกันของวัคซีนดูเหมือนว่าจะลดลงในกลุ่มประชากรผู้สูงอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มที่มีอายุ 75 ปีขึ้นไป
ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลจาก 9 รัฐของสหรัฐฯ ในช่วงเวลาที่ไวรัสเดลต้ากลายเป็นสายพันธุ์หลัก พบว่า วัคซีนโมเดอร์นา มีประสิทธิผลในการป้องกันการป่วยเข้าโรงพยาบาลได้ดีในทุกกลุ่มอายุ มากกว่าวัคซีนของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค หรือจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
ในผลการศึกษาของผู้เข้ามายังศูนย์ดูแลสุขภาพเร่งด่วน ห้องฉุกเฉินและโรงพยาบาลกว่า 32,000 คน วัคซีนโมเดอร์นา มีประสิทธิผลร้อยละ 90 ในการป้องกันการเข้าโรงพยาบาลเมื่อเทียบกับร้อยละ 80 ของไฟเซอร์ และร้อยละ 60 ของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
หลักฐานทั้งหมดนี้ ซึ่งเผยแพร่ในรายงานประจำสัปดาห์ฉบับดังกล่าวของซีดีซีเมื่อวันศุกร์ พบว่า วัคซีนยังคงเป็นสิ่งที่ป้องกันไวรัสโควิดได้อย่างแข็งแกร่ง