รีเซต

มรสุมถล่มไทย! 48 จังหวัดเตรียมรับมือ น้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่า

มรสุมถล่มไทย! 48 จังหวัดเตรียมรับมือ  น้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่า
TNN ช่อง16
26 มิถุนายน 2567 ( 18:18 )
50
มรสุมถล่มไทย! 48 จังหวัดเตรียมรับมือ  น้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่า

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ฝนตกหนักในหลายพื้นที่ จากอิทธิพลของร่องมรสุมและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเตือนฉบับที่ 10 ถึงฝนตกหนักถึงหนักมากใน 48 จังหวัด รวมถึงคลื่นลมแรงในทะเลอันดามัน สถานการณ์นี้ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก จึงจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์ผลกระทบและการเตรียมพร้อมรับมืออย่างเหมาะสม


ผลกระทบจากฝนตกหนักในแต่ละภูมิภาค

ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยมีฝนครอบคลุมถึงร้อยละ 80 ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยาได้เตือนภัยระดับสีแดงถึงฝนตกหนักมากและความเสี่ยงน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากใน 8 จังหวัด ได้แก่ ตาก แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เลย หนองคาย และบึงกาฬ 


ภาคกลางและภาคตะวันออกก็ได้รับผลกระทบไม่น้อย โดยเฉพาะจังหวัดจันทบุรีและตราดที่มีการเตือนภัยระดับสีแดงเช่นกัน ส่วนภาคใต้มีฝนปกคลุมร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ แม้จะไม่มีการเตือนภัยระดับสีแดง แต่ก็ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด


นอกจากนี้ทะเลอันดามันโดยเฉพาะตอนบนก็มีคลื่นสูง 2-3 เมตร หรือมากกว่า 3 เมตรในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ซึ่งเป็นอันตรายต่อเรือขนาดเล็ก จึงควรงดออกจากฝั่งในช่วงนี้ 


ความจำเป็นในการเตรียมพร้อมรับมือ

จากสถานการณ์ฝนตกหนักและคลื่นลมแรง ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องเตรียมพร้อมรับมืออย่างเหมาะสม ทั้งการติดตามข่าวสารและประกาศเตือนภัยจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด รวมถึงการวางแผนอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงไปยังพื้นที่ปลอดภัย 


หน่วยงานด้านการจัดการน้ำและป้องกันภัยพิบัติ ต้องเตรียมความพร้อมทั้งกำลังคน อุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที นอกจากนี้ยังต้องมีการประสานงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ


ฤดูฝนในประเทศไทยนำมาซึ่งความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติอย่างน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก รวมถึงคลื่นลมแรงในทะเล ซึ่งส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน การเตรียมพร้อมรับมืออย่างเหมาะสม ทั้งในระดับปัจเจกบุคคลและระดับหน่วยงาน จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ฝนตกหนักในปีนี้ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อปรับแผนรับมือให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง