รีเซต

เกาะติดสถานการณ์ 'รัสเซีย-ยูเครน' (9 มี.ค.2565)

เกาะติดสถานการณ์ 'รัสเซีย-ยูเครน' (9 มี.ค.2565)
TeaC
9 มีนาคม 2565 ( 18:09 )
1.8K
เกาะติดสถานการณ์ 'รัสเซีย-ยูเครน' (9 มี.ค.2565)

ข่าววันนี้ สถานการณ์วิกฤต "รัสเซียยูเครน" เข้าสู่ 14 วันที่ดูทีท่ายังคงเกิดความขัดแย้งอย่างต่อเนื่อง หลายประเทศต่างออกมาคว่ำบาตรรัสเซ๊ย ล่าสุด รัสเซียแซงอิหร่าน ขึ้นแท่นเป็นประเทศถูกนานาชาติคว่ำบาตรมากที่สุดในโลก  อ่านต่อ เกาะติดสถานการณ์ 'รัสเซีย-ยูเครน' (8 มี.ค.2565)


เกาะติดสถานการณ์ 'รัสเซีย-ยูเครน' (9 มี.ค.2565)

 

รัสเซียบุกยูเครนเข้าสู่วันที่ 14 ล้อมได้ 4 เมือง แต่ยูเครนยังต้านไว้ได้ โรงพยาบาลถูกโจมตีอย่างน้อย 7 แห่ง


ผู้นำยูเครนระบุ รัสเซียล้อมอยู่ 4 เมือง แต่ยังยึดไม่ได้ เพราะทหารยูเครนต้านทานไว้ได้ ภาพล่าสุดจากในพื้นที่ โรงพยาบาลถูกโจมตีเสียหายหนัก ด้าน UN ระบุ พลเรือนยูเครนเสียชีวิตกว่า 400 คน ส่วน WHO ระบุ การโจมตีควรเลี่ยงพื้นที่ใกล้โรงพยาบาล

 

สถานการณ์รัสเซียบุกยูเครนเข้าวันที่ 14 ในวันนี้ (9 มีนาคม) โรงพยาบาลในเมืองอิซยัมเสียหายหนัก หลังถูกระดมยิงถล่มด้วยปืนใหญ่เมื่อคืนวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น นายกเทศมนตรีเมืองอิซยัม ระบุว่า โรงพยาบาลที่เสียหายเป็นโรงพยาบาลใหม่และทันสมัย เพิ่งสร้างเสร็จเปิดใช้งานได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น 


เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐสภายูเครนระบุว่า รัสเซียได้ถล่มเมืองอิซยัมแห่งนี้ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองคาร์คิฟ ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 120 กิโลเมตร ทำให้ชาวเมืองนี้เสียชีวิต 8 คน รวมเด็ก 2 คน แต่ไม่มีใครยืนยันตัวเลขนี้ได้


ด้านประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เปิดเผยสถานการณ์ล่าสุดในยูเครน ในระหว่างการกล่าวต่อรัฐสภาสหราชอาณาจักรผ่านวีดิโอลิงค์เมื่อวานนี้ (8 มีนาคม) ว่า ขณะนี้ทหารรัสเซียล้อมไว้ 4 เมือง คือ คาร์คิฟ ไมโคลายิฟ เชอร์นิฮิฟ และซูมี

 

ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ล่าสุด ดูเหมือนจะหนักที่สุดในเมืองคาร์คิฟ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของยูเครน ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ใกล้กับพรมแดนรัสเซียเพียงขับรถ 45 นาทีถึง ทางยูเครนยืนยันว่า ทหารยูเครนสามารถต้านทานทหารรัสเซีย ที่พยายามจะบุกเข้าเมืองเมื่อวานนี้ (8 มีนาคม) ซึ่งสร้างความเสียหายต่ออาคารที่ตั้งสำนักงานความมั่นคงยูเครนและพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ตั้งอยู่ติดกัน  


รัสเซียตั้งเป้ายึดเมืองคาร์คิฟ ซึ่งมีประชากร 1.4 ล้านคน และชาวเมืองคาร์คิฟส่วนใหญ่พูดภาษารัสเซีย ตั้งแต่วันแรกของการบุกยูเครนเมื่อ 14 วันก่อน ทำให้เมืองนี้ถูกรัสเซียระดมยิงถล่มทุกวัน อพาร์ทเมนท์เสียหายหลายหลัง ตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ไม่มีการยืนยัน มากกว่า 140 คน


ที่เมืองซูมี ภาพถ่ายจากโดรนของยูเครน เป็นภาพซากรถทหารรัสเซียที่ถูกทำลายบนถนนใกล้เมืองซูมี เมืองนี้อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน ถูกรัสเซียโจมตีทางอากาศล่าสุดเมื่อวันจันทร์ (7 มีนาคม) ชาวบ้านเสียชีวิต 21 คนรวมเด็ก 2 คน ชาวเมืองอพยพหนีออกจากเมืองแล้วเกือบ 3,500 คน หลังจากรัสเซียเปิดเส้นทางอพยพให้ชั่วคราว 


ทั้งนี้ ซูมีเป็น 1 ใน 5 เมืองของยูเครนรวมถึงกรุงเคียฟ ที่รัสเซียเปิดเส้นทางอพยพให้หนีการสู้รบไปยังรัสเซียและเบลารุสได้ในสัปดาห์นี้


ส่วนที่เมืองไมโคลายิฟ เป็นเมืองเอกในภาคใต้ของยูเครน 1 ใน 4 เมืองที่ผู้นำยูเครนระบุล่าสุดว่า ถูกรัสเซียล้อมไว้ ทางทำเนียบประธานาธิบดียูเครนยืนยันว่า ทหารรัสเซียพยายามโจมตีหลายครั้งแล้วเพื่อจะบุกยึดให้ได้ แต่ถูกทหารยูเครนต้านทานไว้ได้

 

ด้าน โอเลฟซีย์ อเรสโตวิช ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน กล่าวในการสรุปสถานการณ์สู้รบทางโทรทัศน์ยูเครนว่า รัสเซียต้องใช้ทหารมากกว่านี้อีก 10 เท่า จึงจะยึดไมโคลายิฟได้


ขณะเดียวกัน สหประชาชาติ หรือ UN ระบุตัวเลขพลเรือนยูเครนเสียชีวิตจากการสู้รบล่าสุดว่า มีกว่า 400 คน และสถานการณ์วิกฤตมนุษยธรรมในยูเครนยิ่งเลวร้ายลงเรื่อย ๆ ด้านสำนักงานสิทธิมนุษยชน UN ระบุเพิ่มเติมว่า ในจำนวนพลเรือนยูเครนที่เสียชีวิตดังกล่าว 27 คนเป็นเด็ก


ด้านองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ยืนยันว่า โรงพยาบาลและศูนย์สาธารณสุขในยูเครนถูกโจมตีเสียหายรวมอย่างน้อย 7 แห่งในช่วง 12 วันแรกของการบุกยูเครน พร้อมกับเรียกร้องให้การโจมตีไม่ควรเกิดใกล้กับโรงพยาบาลและสถานรักษาพยาบาลต่าง ๆ ซึ่งได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายระหว่างประเทศ

 

ข้อมูล : TNN World

ยูเครนเผย อพยพปชช.กว่า 5 พันคนออกจากเมืองซูมีสำเร็จ

ทางการยูเครนเปิดเผยว่า ได้ทำการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่สู้รบในเมืองซูมี ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศสำเร็จ หลังจากมีการประกาศหยุดยิงและเปิดทางมนุษยธรรมเพื่อให้มีการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่สู้รบในวันก่อน

โดยนายคีรีโล ทีโมเชนโก รองหัวหน้าสำนักงานของประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เปิดเผยผ่านทางเทเลแกรมในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ว่า ประชาชนราว 5,000 คน และรถยนต์ส่วนบุคคลกว่า 1,000 คัน ที่ได้รับการอพยพออกมาอยู่ในความปลอดภัยแล้ว พร้อมกับโพสต์คลิปเหตุการณ์ขณะพลเรือนผู้อพยพเดินทางมาถึงสถานีรถไฟแห่งหนึ่งในช่วงค่ำที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ

ทั้งนี้ เมืองซูมี เป็นเมืองที่อยู่ใกล้ชายแดนรัสเซีย ตกอยู่ภายใต้การโจมตีอย่างหนักจากกองกำลังรัสเซียในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เฉพาะวันที่ 7 มีนาคมเพียงวันเดียว มีรายงานประชาชนในเมืองนี้เสียชีวิต 22 ราย รวมถึงเด็ก 3 ราย จากการถูกกองกำลังรัสเซียถล่มโจมตีทางอากาศ

ข้อมูล :  มติชน


ไบเดนนำร่อง แบนน้ำมันรัสเซีย ราคาพุ่งเฉียด 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศห้ามนำเข้าน้ำมันและพลังงานอื่น ๆ ของรัสเซีย เพื่อตอบโต้กรณีการบุกยูเครน โดยได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งจากรัฐสภา ซึ่งเขายอมรับว่า จะทำให้ราคาพลังงานสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้น

 

ไบเดนแถลงที่ทำเนียบขาวว่า สหรัฐฯ ห้ามนำเข้าน้ำมันและพลังงานก๊าซทั้งหมดของรัสเซีย ซึ่งนั่นหมายความว่า น้ำมันรัสเซียจะไม่เป็นที่ยอมรับอีกต่อไปในเมืองท่าต่าง ๆ ของสหรัฐฯ และประชาชนอเมริกันจะใช้มาตรการที่ทรงพลังอื่น ๆ เล่นงานเครื่องจักรสงครามของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ด้วย

 

ราคาน้ำมันพุ่งรับข่าวนี้ทันที โดยน้ำมันดิบล่วงหน้าเบรนท์ประจำเดือนเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 5.4% อยู่ที่ 129.91 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

 

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีไบเดน กำลังร่วมมือกับชาติพันธมิตรในยุโรป ซึ่งยังพึ่งพาน้ำมันของรัสเซียอย่างมาก ในการโดดเดี่ยวเศรษฐกิจที่พึ่งพาพลังงานเป็นหลักของรัสเซียและประธานาธิบดีปูติน

 

ด้านอังกฤษประกาศไม่นานก่อนถ้อยแถลงของไบเดนว่า จะหยุดนำเข้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันของรัสเซียภายในสิ้นปี 2022 ขณะที่สหภาพยุโรป หรืออียู ก็ได้เปิดเผยแผนการลดการพึ่งพาก๊าซของรัสเซียลง 2 ใน 3 ในปีนี้

 

ไบเดน กล่าวว่า มาตรการคว่ำบาตรที่บังคับใช้โดยสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจรัสเซียเรียบร้อยแล้ว เขาบอกว่า การเคลื่อนไหวล่าสุดเกิดขึ้นหลังการปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิดกับชาติพันธมิตรและหุ้นส่วนทั่วโลก

 

สหรัฐฯ นำเข้าน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมัน เฉลี่ยมากกว่า 20.4 ล้านบาร์เรลต่อเดือนจากรัสเซียในปี 2021 ประมาณ 8% ของการนำเข้าเชื้อเพลิงเหลวของสหรัฐ จากข้อมูลของสำนักงานข้อมูลพลังงาน และการห้ามครั้งนี้ คาดว่าจะส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูง เช่นเดียวกับเงินเฟ้อจะสูงขึ้นด้วย และสหรัฐฯยังนำเข้าถ่านเงินจากรัสเซียจำนวนเล็กน้อย

 

ไบเดนคาดว่า ราคาพลังงานจะพุ่งสูงขึ้นจากการทำสงครามของปูติน แต่ก็ให้คำมั่นว่าจะทำทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อให้ชาวอเมริกันได้รับผลกระทบน้อยที่สุด พร้อมทั้งเตือนบริษัทก๊าซของสหรัฐฯ ด้วยว่าอย่าแสวงหาผลประโยชน์จากสถานการณ์นี้ เพื่อหาผลกำไรและขึ้นราคาสินค้า

 

ด้านสมาชิกพรรครีพับลิกัน แสดงความยินดีต่อการตัดสินใจของไบเดนผ่านทางโซเชียล มีเดีย ขณะเดียวกัน ก็วิพากษ์วิจารณ์นโยบายพลังงานสีเขียวของไบเดน และเรียกร้องให้รัฐบาลสนับสนุนการผลิตน้ำมันและก๊าซในประเทศมากขึ้น 

 

ข้อมูล : TNN World

 

'ยูเครน' เริ่มอพยพคนออกจากเมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือ

วันอังคาร (8 มี.ค.) สำนักข่าวยูเนียน (UNIAN) ของยูเครน รายงานว่ายูเครนเริ่มอพยพประชาชนออกจากเมืองซูมี (Sumy) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ผ่านเส้นทางมนุษยธรรม ตามที่ตกลงกับรัสเซีย โดยประชาชนกลุ่มแรกเริ่มอพยพออกจากเมืองเมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา

ดมิทโทร ลูนิน รักษาการหัวหน้าฝ่ายบริหารทหารและพลเรือนของเมืองปอลตาวาทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน กล่าวว่ายูเครนได้ส่งรถโดยสาร 35 คัน ไปยังเมืองซูมี เพื่อช่วยอพยพประชาชนออกจากเมือง

"ขบวนรถประกอบด้วยตัวแทนของสภากาชาดและกลุ่มแพทย์ และเรายังได้ส่งสิ่งของให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมรวม 20 ตัน ทั้งอาหารและยา" เขากล่าว พร้อมเสริมว่าฝ่ายยูเครนได้สั่งหยุดยิงชั่วคราว เพื่อรับรองความปลอดภัยของพลเรือนระหว่างการอพยพ

 

ข้อมูล :  Xinhua Thai

รัสเซียแซงอิหร่าน ขึ้นแท่นเป็นประเทศถูกนานาชาติคว่ำบาตรมากที่สุดในโลก

รัสเซียแซงอิหร่าน ขึ้นแท่นเป็นประเทศถูกนานาชาติคว่ำบาตรมากที่สุดในโลก โดยเฉพาะหลังเริ่มปฏิบัติการโจมตียูเครน ทำให้ถูกคว่ำบาตรแล้วทั้งสิ้น 5,500 กว่ารายการ


 
การตัดสินใจเปิดปฏิบัติการทางทหารในยูเครน ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ทำให้รัสเซีย กลายเป็นประเทศถูกมาตรการคว่ำบาตรมากที่สุดในโลกไปแล้ว


ข้อมูลของ castellum.ai เว็บไซต์ตรวจสอบการคว่ำบาตร ระบุว่า ก่อนวันที่ 22 กุมภาพันธ์ รัสเซียถูกนานาชาติบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตร อยู่แล้ว 2,754 รายการ แต่หลังจากเริ่มปฏิบัติการบุกโจมตียูเครน หลายประเทศประสานมือกันสั่งคว่ำบาตร เพื่อกดดันให้ยุติสงคราม ทำให้รัสเซียถูกนานาชาติสั่งคว่ำบาตร เพิ่มอีก 2,778 รายการ


โดยเมื่อรวมทั้งหมดแล้วรัสเซียถูกคว่ำบาตรเพิ่มขึ้นเป็น 5,532 รายการ หรือ มากกว่าอิหร่าน ที่เคยเป็นประเทศถูกคว่ำบาตรมากที่สุดในโลก โดยถูกนานาชาติสั่งคว่ำบาตรรวมทั้งสิ้น 3,616 รายการ โดยมีสหรัฐฯ เป็นประเทศต้นเรื่องการคว่ำบาตรมากที่สุด อยู่ที่ 21% ตามด้วยสหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป หรือ อียู มีสัดส่วนรวมกันอยู่ที่ 18%


ส่วนประเทศอื่น ๆ ที่ติดอันดับต้น ๆ ประเทศถูกคว่ำบาตรทั่วโลก ต่อจากรัสเซีย และอิหร่าน คือ ซีเรีย ถูกคว่ำบาตรแล้ว 2,608 รายการ, เกาหลีเหนือ 2,077 รายการ, เวเนซุเอลา 651 รายการ, เมียนมา 510 รายการ และคิวบา 208 รายการ
 

ข้อมูล : TNN World

 

--------------------

เกาะติดสถานการณ์โควิด-19  ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก

 

กดเลย >> community แห่งความบันเทิง

ทั้งข่าว หนัง ซีรีส์ ละคร ดนตรี และศิลปินไอดอล ที่คุณชื่นชอบ บนแอปทรูไอดี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง