CPFผนึก"เอสเอพี"โตยั่งยืน ลดปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์
#CPF#ทันหุ้น - CPF ผนึก "เอสเอพี" ยักษ์ใหญ่ซอฟต์แวร์และเอไอ ลุยนำโซลูชันต่อยอดธุรกิจ-หนุนการเติบโตยั่งยืน บอสใหญ่ "ประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ" เดินหน้าโมเดลลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเต็มพิกัด หวังช่วยแก้ปัญหาสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง วางหมากก้าวสู่ Net Zero ในปี 2593
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมมือกับทางบริษัท เอสเอพี (SAP) ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำตลาดซอฟต์แวร์แอปพลิเคชั่นระดับองค์กรและเทคโนโลยี Al ธุรกิจ เพื่อนำโซลูชันต่างๆ มาประยุกต์ใช้กับบริษัท รองรับการขับเคลื่อนการเติบโตและความได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาด และเพื่อความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์และองค์กรในอนาคต
ผนึกเอสเอพีต่อยอด
สำหรับเทคโนโลยี "เอสเอพี" จะช่วยสนับสนุน ซีพี ฟู้ด ในการปฏิบัติตามกฎระเบียบคาร์บอนในอนาคตที่กำลังจะมีขึ้นใน ตลาดต่างๆ รวมถึง มาตรการปรับคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดนของสหภาพยุโรป (EU C-BAM) หรือ SEC climate risk disclosures ของสหรัฐอเมริกาด้วย
โดยหัวใจสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะเน้นไปที่ลดการปล่อยก๊าซในห่วงโซ่อุปทาน หรือ ขอบเขตที่ 3 ของ CPF ซึ่งมีสัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 92% การทำงานร่วมกับ SAP Services, YASH Technologies เพื่อใช้ความเชี่ยวชาญด้านความยั่งยืนของบริษัท และทำการโฮสต์บน Amazon Web Services (AWS) ซีพีเอฟจะสามารถใช้โซลูชันด้านความยั่งยืนของ เอสเอพี เพื่อบันทึกและรายงานผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขอบเขตที่ 1 และ 2 ในประเทศไทย และบันทึกขอบเขตที่ 3 (3.1 และ 3.4) สำหรับธุรกิจอาหารสัตว์ในประเทศไทย ซึ่งครอบคลุมทั้งการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งแบบ FLAG และ non-FLAG และใน ช่วงระยะต่อไปของการดำเนินการก็จะขยายขอบเขตให้ครอบคลุมไปทั้งการดำเนินงานทั่วโลก
ขณะที่ปัจจุบัน CPF เป็นผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจรระดับโลก ผู้ผลิต หมู ไก่ กุ้ง และปลา ดำเนิน ธุรกิจใน 17 ประเทศ ส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารไปยังกว่า 50 ประเทศ เข้าถึงผู้บริโภคมากกว่า 4 พันล้านคนทั่วโลก ซึ่งบริษัทเองมีแนวทางดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลด้วยการประยุกต์ใช้โซลูชัน RISE with SAP, SAP Sustainability Footprint Management, SAP Sustainability Control Tower, และ SAP Environment Management เพื่อธุรกิจที่พร้อมสำหรับอนาคตและรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผลกระทบด้านความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิต และโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก
เป้าคาร์บอนเป็นศูนย์ปี 93
นอกจากนี้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของ CPF มุ่งสู่การเป็น “ครัวของโลกที่ยั่งยืน” ซีพีเอฟเป็นบริษัทผลิตอาหารบริษัทแรกในโลกที่ได้รับอนุมัติทั้งเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว สอดคล้องตามมาตรฐาน Forest, Land Agriculture (FLAG) ซึ่งเป็นมาตรฐานเฉพาะสำหรับภาคเกษตรและอาหาร จากองค์กร the Science Based Targets initiative (SBTI) การประยุกต์ใช้โซลูชันด้านความยั่งยืนของ "เอสเอพี" เพื่อบันทึกรายงาน และดำเนินการกับข้อมูลด้านความยั่งยืนแบบเรียลไทม์
ขณะเดียวกันยังจะสามารถช่วยในการขับเคลื่อนการบัญชีคาร์บอน ทั้งในระดับ องค์กรและผลิตภัณฑ์ โดยบริษัทมีแนวทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง โดยขอบเขต 1 และ 2 ลง 42% และขอบเขตที่ 3 ลง 30.3% ให้ ได้ภายในปี พ.ศ. 2573 และยังจะมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซขอบเขต 1 และ 2 ลง 90% และขอบเขต 3 ลง 72% เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero) ในปี 2593 ต่อไป
"การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์เป็นเพียงทางออกเดียวในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซีพีเอฟตระหนักและมุ่งมั่นมีส่วนร่วม ช่วยลดผลกระทบที่มีต่อโลกใบนี้ มุ่งมั่นผลิตอาหารที่ปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนาการสำหรับผู้บริโภค เป็น มิตรต่อสิ่งแวดล้อม และดีต่อโลก ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การทำปศุสัตว์ จนถึงการผลิตอาหาร ไปสู่อาหารบนจานของผู้บริโภคก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จก ด้วยโซลูชัน RISE with SAP และ SAP sustainability solutions ช่วยให้ซีพี ฟู้ดสามารถบันทึกและผู้บริหารได้รับรายงานข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ซีพีเอฟสามารถตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว มีข้อมูลครบถ้วน และช่วยในการดำเนินงานที่ยั่งยืนเพื่อโลกของเรา”