ภาวะ 'หมดตัว' หลังสงกรานต์ เผยสถิติ 'ใช้จ่าย' พุ่ง 4 หมื่นล้านบาท เสี่ยงหนี้สินและสุขภาพจิต
บทความนี้ขอกล่าวถึงปัญหาการใช้จ่ายเงินที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์และผลกระทบด้านปัญหาการเงินและสุขภาพจิตที่ตามมาหลังเทศกาลดังกล่าว โดยพบว่ามีการใช้จ่ายเงินสูงถึง 41,500 ล้านบาทในปี 2567 ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 55% จากปีก่อน นำไปสู่ปัญหาหนี้สินและความเครียดที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตอย่างมีนัยสำคัญ
บทความจึงให้แนวทางการจัดการปัญหาเหล่านี้ โดยเน้นการวางแผนการเงินที่รัดกุม หางานพิเศษ และดูแลสุขภาพกายและจิตควบคู่กัน เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจตามมาหลังเทศกาลสงกรานต์
เทศกาลสงกรานต์ถือเป็นหนึ่งในประเพณีอันดีงามของประเทศไทย เป็นช่วงเวลาที่ผู้คนรอคอยเพื่อเฉลิมฉลองและคลายร้อน แต่ในอีกด้านหนึ่ง เทศกาลนี้ก็อาจกลายเป็น "เทศกาลแห่งปัญหาการเงิน" ของหลายคน เมื่อพิจารณาจากสถิติการใช้จ่ายเงินและปัญหาหนี้สินที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลานี้
สถิติการใช้จ่ายเงินในช่วงเทศกาลสงกรานต์
จากข้อมูลล่าสุดของศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบี พบว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2567 มีเงินสะพัดสูงถึง 41,500 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบกับปี 2566 โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยใช้จ่ายไป 36,000 ล้านบาท และนักท่องเที่ยวต่างชาติอีก 5,500 ล้านบาท
การใช้จ่ายหลักๆ ในช่วงเทศกาลประกอบด้วย ค่าเดินทาง 15,000 ล้านบาท ค่าที่พัก 8,000 ล้านบาท ค่าอาหาร 7,000 ล้านบาท ค่าของฝาก 5,000 ล้านบาท และค่ากิจกรรมอื่นๆ อีก 6,500 ล้านบาท
"เมาแล้วใช้จ่าย" สัญญาณอันตรายสู่ "หนี้สิน"
เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองและคลายร้อนสำหรับคนไทย แต่ในอีกด้านหนึ่ง การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จัดเป็นปัญหาที่ตามมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องของการใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือยและขาดการควบคุม
เราสามารถเห็นภาพของคนเมามายออกไปใช้จ่ายเงินอย่างไร้ขอบเขตในช่วงเทศกาล ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของฝาก การใช้จ่ายในร้านอาหารและบริการต่างๆ หรือแม้แต่การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพื่อสนองตอบความต้องการในขณะนั้น โดยไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบในระยะยาว
เมื่อเทศกาลผ่านพ้นไป หลายคนจึงพบว่าตัวเองมีปัญหาด้านการเงินอย่างรุนแรง ทั้งการขาดสภาพคล่องในการใช้จ่ายประจำวันหรือการมีหนี้สินเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดความเครียดและปัญหาสุขภาพจิตตามมา โดยเฉพาะอาการซึมเศร้าที่สามารถส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันและยากต่อการแก้ไข เนื่องจากต้องจัดการกับปัญหาด้านการเงินเป็นอันดับแรก
ดังนั้น คนไทยจึงควรตระหนักและระมัดระวังในการใช้จ่ายเงินในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตกอยู่ในภาวะมึนเมาจากการดื่มสุรา การควบคุมตนเองให้ได้ในขณะนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือยและไร้ขอบเขต ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาการเงินและสุขภาพจิตที่ยากต่อการแก้ไขในอนาคต
หนี้ครัวเรือนไทยพุ่ง 91.4% ปลายปี 2567 เผชิญ 3 ปัจจัยเสี่ยงฉุดรั้งเศรษฐกิจ
ตามการประเมินของศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics พบว่า สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีของไทย ณ สิ้นปี 2567 จะอยู่ที่ 91.4% หรือราว 16.9 ล้านล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง โดยสถานการณ์หนี้ครัวเรือนยังคงมีปัญหาในด้านปริมาณหนี้ที่ไม่สร้างรายได้เพิ่มขึ้นเร็วและคุณภาพหนี้ที่ด้อยลง ซึ่งเกิดจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า ส่งผลให้ระดับรายได้ของครัวเรือนฟื้นตัวได้อย่างจำกัด ขณะที่ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้และคุณภาพของหนี้
มีปัจจัยสำคัญ 3 ด้านที่ทำให้สถานการณ์หนี้ครัวเรือนไทยยังมีความเปราะบางสูง ได้แก่ 1) เศรษฐกิจและระดับรายได้ที่ฟื้นตัวช้า 2) ต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น ส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ และ 3) พฤติกรรมการก่อหนี้โดยขาดวินัยทางการเงิน โดยเฉพาะการก่อหนี้ที่ไม่สร้างรายได้ ซึ่งมีสัดส่วนสูงกว่าประเทศอื่น ดังนั้น การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืนต้องเน้นการยกระดับมาตรฐานการให้สินเชื่อ การปฏิบัติต่อลูกหนี้อย่างเป็นธรรม และการสนับสนุนให้มีการคิดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยง เพื่อกระตุ้นให้ครัวเรือนมีวินัยทางการเงินที่ดีขึ้นและเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เหมาะสม
ผลกระทบของปัญหาเงินหมดหลังสงกรานต์: ความเครียด และปัญหาสุขภาพจิต
เมื่อเทศกาลสงกรานต์ผ่านพ้นไป หลายคนพบว่าตัวเองมีปัญหาเงินหมด หรือมีหนี้สินเพิ่มขึ้น จากการใช้จ่ายเกินตัวในช่วงเทศกาล ผลกระทบที่ตามมาคือ ความเครียดและปัญหาสุขภาพจิต ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตประจำวันของผู้ที่ประสบปัญหานี้
ความกังวลเรื่องการเงินที่เหลือน้อยหรือไม่เพียงพอ ก่อให้เกิดความเครียดอย่างมาก ผู้ที่ประสบปัญหานี้มักรู้สึกกดดัน ตื่นเต้น และซึมเศร้า เนื่องจากไม่แน่ใจว่าจะจัดการปัญหาได้อย่างไร และกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อครอบครัวและอนาคตของตน ความเครียดที่เกิดขึ้นส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต ทั้งปวดหัว นอนไม่หลับ ทานอาหารไม่ได้ และอาจนำไปสู่อาการซึมเศร้าในที่สุด
ปัญหาซึมเศร้า
ในกรณีที่ปัญหาเงินหมดกลายเป็นปัญหาต่อเนื่อง ไม่สามารถแก้ไขได้ในเวลาอันสั้น ก็อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้ ผู้ที่ประสบปัญหานี้จะรู้สึกหดหู่ เศร้า ท้อแท้ และขาดแรงจูงใจในการดำเนินชีวิต อาการซึมเศร้าที่เกิดจากปัญหาการเงินมักรุนแรงและยากที่จะแก้ไข เนื่องจากปัญหาการเงินเป็นปัญหาที่ต้องจัดการให้ได้ก่อน จึงจะสามารถรักษาสุขภาพจิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แนวทางการจัดการ
เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาความเครียดและซึมเศร้าที่เกิดจากปัญหาการเงินหลังสงกรานต์ ควรดำเนินการ ดังนี้
1. วางแผนการเงินอย่างรอบคอบ เพื่อควบคุมการใช้จ่ายและสร้างเงินออม
2. หางานพิเศษเพิ่มรายได้ชั่วคราว เพื่อจัดการหนี้สินและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
3. ขอความช่วยเหลือจากครอบครัว เพื่อน หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
4. ดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตให้แข็งแรง เช่น ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหากมีอาการซึมเศร้า
การจัดการปัญหาการเงินหลังสงกรานต์อย่างทันท่วงที และดูแลสุขภาพจิตควบคู่กัน จะช่วยให้ผู้ประสบปัญหาสามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ และกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีดังเดิม
ระวังภาวะซึมเศร้าหลังวันหยุดยาว
นายแพทย์พงศ์เกษม ไข่มุกด์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ในทางจิตวิทยา Post-Vacation Depression หรือ Post-vacation Blues หมายถึง อารมณ์ด้านลบที่เกิดขึ้นหลังหยุดยาวติดต่อกันหลายวัน ทำให้เกิดอารมณ์เศร้าเบื่อหน่ายและไม่กระตือรือร้น ส่งผลให้มีอาการคล้ายภาวะหมดไฟหรือรบกวนการทำงาน
นายแพทย์พงศ์เกษม กล่าวว่า "อาการซึมเศร้าหลังวันหยุดยาว" ไม่ใช่โรคทางจิตเวช แต่เป็นสภาวะอารมณ์ด้านลบที่เกิดขึ้นหลังวันหยุดยาว ซึ่งโดยปกติแล้วจะสามารถหายไปเองใน 2 – 3 วัน แต่สำหรับบางคนอาการอาจอยู่ยาวถึง 2 – 3 สัปดาห์เลย โดยอาการหลักๆ ก็คือ อารมณ์เศร้า หดหู่ เหนื่อย ไม่อยากทำอะไร และรู้สึกเหมือนคนหมดไฟ
กรมสุขภาพจิตจึงขอแนะนำ 6 วิธีเพื่อรับมือกับอาการซึมเศร้าหลังวันหยุดยาว ซึ่งสามารถทำได้ด้วยตนเอง ได้แก่ 1) หาแรงจูงใจในการไปทำงาน 2) สร้างคุณค่าในการทำงาน 3) อยู่กับปัจจุบัน 4) ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน 5) หาเพื่อนรู้ใจและทีมในการทำงาน และ 6) วางแผนเที่ยวในวันหยุดครั้งต่อไป
บทเรียนจากสงกรานต์: เข้าใจการเงิน รู้จักวางแผน ป้องกันหนี้สิน
คนไทยทุกคนควรตระหนักถึงบทเรียนที่ได้รับจากเหตุการณ์เช่นนี้ การเข้าใจและรู้จักจัดการกับการเงินของตนเองอย่างรอบคอบ จะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยป้องกันไม่ให้ตกอยู่ในวังวนของหนี้สินและปัญหาสุขภาพจิตหลังเทศกาล เราควรเริ่มต้นด้วยการวางแผนการเงินอย่างรัดกุม สร้างเงินออม และหางานเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ ควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพกายและจิตใจให้แข็งแรง
ประเพณีสงกรานต์ควรเป็นช่วงเวลาที่เราสามารถสร้างความสุขและสนุกสนานได้อย่างเต็มที่ แต่ต้องควบคู่ไปกับการจัดการการเงินอย่างรอบคอบด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเงินและสุขภาพจิตที่ตามมาหลังเทศกาล เพียงเราเรียนรู้และวางแผนไว้ล่วงหน้า ก็จะสามารถผ่านพ้นช่วงเทศกาลนี้ไปได้อย่างมีความสุข
ภาพ : Getty Images