[รีวิวเกม] ‘Star Wars Heritage Pack’ รวมฮิตตำนานสงครามอวกาศ
บนคอนโซล Nintendo Switch นอกจากเกมใหม่ ๆ ที่ปู่นินสร้างออกมาให้แฟนได้เล่นกันแล้ว ยังเป็นจุดหมายของเกมเก่าที่หลายค่ายขุดเอามาขายใหม่ เพราะว่าด้วยสเปกที่ไม่ได้แรงอะไร ทำให้มันยากที่จะทำเกมใหม่ ๆ ลงได้ ดังนั้นการพอร์ตเกมเก่ามาขายใหม่น่าจะดูง่ายกว่าเพราะลงทุนน้อย และใช้เวลาสร้างไม่นาน
ทำให้บนเครื่องเกมลูกผสมมีกองทัพเกมเก่ามาขายใหม่มากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งเป็นข้อดีสำหรับคนที่ไม่เคยเล่นมาก่อนจะได้สัมผัสความคลาสสิกในรูปแบบพกพา แถมส่วนใหญ่จะมีราคาขายไม่แพงด้วย ทำให้การหามาเป็นเจ้าของไม่ยาก แถมยังมีการยำรวมเอาความคลาสสิกมาขายเป็นชุดแบบรวมฮิตทำให้เป็นที่มาของเกม ‘Star Wars Heritage Pack’ ที่กลับมาขายอีกรอบบน Nintendo Switch โดยเกมมีการออกบน PS4 ในชื่อเดียวกันแต่รวมไม่ครบทุกเกม
โดยเกม ‘Star Wars Heritage Pack’ จะมีมากถึง 7 เกมที่มีทั้ง ‘STAR WARS: The Force Unleashed’, ‘STAR WARS: Republic Commando’, ‘STAR WARS: Episode I Racer’, ‘STAR WARS: Jedi Knight: Jedi Academy’, ‘STAR WARS: Jedi Knight II: Jedi Outcast’, ‘STAR WARS: Knights of the Old Republic’, ‘STAR WARS: Knights of the Old Republic II’ ถือว่าคุ้มมากในราคาเดียว
กราฟิกเหมือนเดิม
เนื่องจากเป็นแค่เกมรวมฮิตทำให้ผู้สร้างไม่ได้ปรับเปลี่ยนกราฟิก ทำให้มันดูเชยมากสำหรับคอเกมยุคใหม่ เพราะทุกเกมวางขายในช่วงต้นยุค 2000S ทำให้ภาพในเกมประมาณเกมบนเครื่อง PS2 ที่มีการปรับให้เข้ากับทีวียุคใหม่เล็กน้อยเท่านั้น แต่หากทำความเข้าใจและเอาราคาขายมาเปรีบบเทียบก็ถือว่าไม่ได้เลวร้ายอะไร แต่ที่ดีคือความลื่นไหลและระยะเวลาการโหลดก็ทำได้เร็วขึ้นเพราะใช้สื่อเป็นตลับเกม
แต่สิ่งที่เป็นความดีงามและยังคงข้ามกาลเวลามาได้คือเพลงประกอบเพราะมีการเอาเพลงธีมดังจากภาพยนตร์ Starwars ใส่เข้ามาตลอดเพราะต้นฉบับก็มีอยู่แล้ว และผลงานที่ประพันธ์โดย จอห์น วิลเลียมส์ (John Williams) ก็ยังคงทำหน้าที่ของมันได้ดีเยี่ยม แถมมีการเสริมเพลงใหม่เข้าไปด้วย และมีการพากย์เสียงด้วย แม้คุณภาพของการนำเสนอจะดูเรียบ ๆ เพราะมันเป็นเกมที่มีอายุเกือบ 20 ปีแล้ว แต่โดยรวมถือว่าพอรับได้ (รีวิวนี้จะแบ่งเป็นตามเกม)
‘Star Wars Jedi Knight: Jedi Academy’ และ ‘Jedi Knight II: Jedi Outcast’
เริ่มที่เกม ‘Star Wars Jedi Knight: Jedi Academy’ และ ‘Star Wars Jedi Knight II: Jedi Outcast’ สองภาคที่เป็นภาคต่อกันมีความโดดเด่นที่เกมเพลย์ที่แบบผสมผสาน เพราะตัวละครหลักจะสามารถใช้ได้ทั้งดาบเลเซอร์ และปืนเลเซอร์ นอกจากนี้ยังมาพร้อมมุมกล้องที่หลากหลายเพราะหากเราใช้ดาบจะเป็นมุมมองบุคคลที่ 3 และหากเราใช้ปืนจะปรับเป็นมุมกล้องบุคคลที่ 1 และยังเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับ Jedi รวมทั้งมีตัวละครจากภาพยนตร์อยู่ในเกมด้วย ถือเป็นอีกภาคที่ยังคงเล่นได้สนุก
‘Star Wars Episode I Racer’
เกมแนวแข่งรถที่หยิบเอาฉาก แข่งรถ podracing ที่อยู่ในภาพยนตร์ภาค STAR WARS Episode I The Phantom Menace ในตำนานในยุค 90s ที่ต้นฉบับออกบน Nintendo 64 รวมทั้ง PC เกมเพลย์ทำออกมาได้ดีตามมาตรฐานเกมแข่งรถยุคนั้น แต่เพิ่มเติมความเร็วสูงและมีความหลุดโลก รวมทั้งความโดดเด่นที่การบังคับที่เข้าใจง่าย แต่ขาดไอเทมเสริมที่ไว้โจมตีศัตรู อย่างไรก็ตามมันก็มีการใส่ฉากและยานแข่งที่ไม่มีในหนังเข้ามาด้วย ถือเป็นอีกเกมที่แหวกแนวที่สุดในชุดนี้และยังเล่นได้สนุกไม่เชยเหมือนได้เล่นเกม F-Zero ของปู่นิน
‘Star Wars Republic Commando’
หากคุณชอบเล่นเป็นทหาร Clone trooper ต้องเล่นภาคนี้เพราะเราจะได้รับบทเป็นกองกำลังทหารโคลนออกไปทำภารกิจ ผ่านเกมเพลย์เกมยิงแบบมุมมองบุคคลที่ 1 ที่เล่าเรื่องผ่านทหารโคลนระดับเทพและเริ่มตั้งแต่ศูนย์โคลนนิ่งบนดาว Kamino เกมเพลย์แนว FPS สนุกตามมาตรฐานเกมยิงในยุคนั้น (เกมออก 2005) ซึ่งบางส่วนอาจจะดูเชยไปแล้วแต่ก็ยังพอมีความลื่นไหลและมีการอ้างอิงถึงฉากในหนัง Starwar Prequels อยู่ด้วย
‘Star Wars: The Force Unleashed’
อีกภาคที่ถือว่าเป็นทั้งข้อดีและเสีย เพราะว่าหากคุณคิดว่าภาค ‘The Force Unleashed’ ที่อยู่ใน ‘Star Wars Heritage Pack’ จะเป็นเวอร์ชัน PS3 ก็คงต้องผิดหวังเพราะว่าเวอร์ชันนี้คือภาคบน Wii ที่มีกราฟิกและเกมเพลย์ที่สนุกน้อยกว่า แต่หากไม่คิดอะไรมากมันก็ยังมีดี เพราะอย่างน้อยผู้เล่นก็สามารถใช้ Joy-con บังคับดาบเลเซอร์ได้สมจริง โดยเราจะได้รับบทเป็น “Starkiller” ลูกศิษย์ลับของ Darth Vader ผ่านเกมเพลย์แอ็กชันมุมมองบุคคลที่ 3 ความโดดเด่นอยู่ที่การใช้พลัง Force ที่มีความรุนแรงพลังทำลายล้างสูงผสมผสานกับการใช้ดาบเลเซอร์ด้วย
‘Star Wars: Knights of the Old Republic’ และ ‘Knights of the Old Republic II: The Sith Lords’
เกมในตำนานของซีรีส์ Starwars เพราะหากเกิดทันเคยเล่นจะรู้ว่ามันสนุกและยอดเยี่ยมมากในยุคนั้น โดยจะเล่าเรื่อง 4,000 ปีก่อนจะถึงยุค Skywalker Saga เราจะได้สัมผัสจุดเริ่มต้นของ Starwars ผ่านเกมเพลย์แนว RPG ที่เข้าใจง่าย แต่มีอะไรให้ทำเยอะมากมีฉากกว้าง ๆ ให้สำรวจแม้อาจจะไม่เท่ากับแนว Openworld ก็ตาม แต่ก็มีเนื้อเรื่องหลากหลายมีฉากจบหลายแบบ ใครชอบแนว RPG ที่ไม่เชยและมีเนื้อเรื่องที่ยอดเยี่ยมแนะนำว่าต้องเล่นทั้ง 2 ภาค และเล่นได้หลายรอบด้วย
สำหรับเกมรวมฮิต ‘Star Wars Heritage Pack’ หากไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้แล้วอาจจะดูไม่คุ้มค่านัก เพราะแม้จะมีจำนวนมากถึง 7 เกม แต่ก็เป็นของเก่าที่ออกวางขายมาเกือบ 20 ปีแล้วทำให้รูปแบบการเล่นดูเชยไป แต่มันเหมาะอย่างยิ่งกับแฟนหนัง “Starwars” ตัวจริงที่ เพราะด้วยราคาขายและจำนวนเกมถือว่าคุ้มค่าอยู่