Igloo อินชัวร์เทคระดับภูมิภาคปิดดีล 36 ล้านดอลลาร์ ประเมินมูลค่าเพิ่มขึ้น 50%
Igloo อินชัวร์เทคผู้ให้บริการเทคโนโลยีด้านประกันภัยแบบครบวงจรระดับภูมิภาค ประกาศปิดดีล 36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการระดมทุนรอบพรีซีรีส์ C โดยมี Eurazeo บริษัทผู้ลงทุนระดับโลกเป็นผู้ลงทุนหลักในครั้งนี้ผ่านกองทุนอินชัวร์เทคที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้รับประกันภัยระดับโลกอย่าง BNP Paribas Cardif
นอกจากนี้ยังได้รับความไว้วางใจจากทั้ง Openspace ธุรกิจเงินร่วมลงทุนชั้นนำในอาเซียน และ La Maison ที่เคยร่วมลงทุนกับ Igloo ตั้งแต่รอบซีรีส์ B และ B+ ด้วยความเชื่อมั่นในรากฐานทางธุรกิจอันแข็งแกร่งของบริษัท โดย Eurazeo ได้ร่วมลงทุนผ่านกองทุนอินชัวร์เทคซึ่งให้ความสนใจในเทคโนโลยีที่สร้างนวัตกรรมและไอเดียธุรกิจใหม่ๆ เกี่ยวกับธุรกิจการประกันภัย
ขณะที่การลงทุนของ Openspace ในรอบนี้เป็นการลงทุนเพื่อผลักดันการเติบโตของธุรกิจในระยะกลางภายใต้กองทุน OSV+ ที่เน้นลงทุนในบริษัทที่มีเทคโนโลยีที่สร้างการเปลี่ยนผ่านและอยู่ในซีรีส์ C และ D ในอาเซียน
"เราได้ติดตาม Igloo มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง และประทับใจอย่างมากกับนวัตกรรมใหม่ๆ ที่นำมาใช้ในแพลตฟอร์มการประกันภัยได้หลากหลายแขนง ผ่านช่องทางและผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมาย ตลาดประกันภัยในอาเซียนยังมีโอกาสอีกมาก และเราเชื่อว่า Igloo มีศักยภาพที่จะลบจุดอ่อนเหล่านี้ และทำให้ประกันภัยกลายเป็นเรื่องที่เข้าถึงและเข้าใจได้ง่ายสำหรับผู้บริโภค" อัลเบิร์ต ชายย์ กรรมการผู้จัดการของ Eurazeo กล่าว
การระดมทุนของ Igloo รอบล่าสุดนี้ห่างจากรอบซีรีส์ B+ เพียง 10 เดือน ซึ่งครั้งนั้นมี InsuResilience Investment Fund II ที่บริหารจัดการโดย BlueOrchard เป็นผู้ลงทุนหลัก ปัจจุบันบริษัทได้ระดมทุนไปกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้การระดมทุนรอบพรีซีรีส์ C ของ Igloo ยังได้รับการประเมินมูลค่าบริษัทที่เพิ่มขึ้นจากซีรีส์ B+ เมื่อปี 2565 ถึง 50% และบริษัทใกล้ที่จะทำกำไรได้ในปี 2567 นอกจากนี้การเพิ่มเบี้ยประกันรับรวม (GWP) ของ Igloo เป็น 2 เท่าของปี 2565 ยังเป็นไปตามแผนภายใต้อัตราการเผาเงินทุน (burning rate) ที่ต่ำ อันเป็นผลจากการทุ่มเทด้านวิศวกรรมและข้อมูล จนช่วยปูทางให้บริษัทสามารถทำผลกำไรได้ในปี 2567 ในที่สุด
ตลาดประกันภัยในเอเชียยังคงเต็มไปด้วยโอกาสอีกมากมาย โดยเฉพาะประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อย่างอินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ซึ่งโอกาสในการเติบโตนี่เองที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน โดยเฉพาะ Igloo ที่มีความโดดเด่นในฐานะผู้นำเสนอนวัตกรรมการประกันภัยที่เป็นเรื่องใหม่สำหรับตลาด ช่วยขจัดอุปสรรคสำคัญที่เกิดขึ้นในห่วงโซ่คุณค่า (value chain) ของการประกันภัย
ความสำเร็จล่าสุดของ Igloo ประกอบด้วย 2 เรื่องหลักๆ ได้แก่ การเปิดตัว Ignite by Igloo เมื่อปี 2565 ในฐานะแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพแก่คนกลางและนายหน้าในเวียดนามและอินโดนีเซีย โดยปัจจุบัน Igloo ทำงานร่วมกับคนกลางและนายหน้ากว่า 22,000 ราย และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 ราย เมื่อมีการขยายระบบไปยังตลาดอื่นๆ ในปี 2566
นวัตกรรมอีกเรื่องหนึ่งก็คือดัชนีภูมิอากาศ (Weather Index Insurance) ของ Igloo ที่เป็นผู้บุกเบิกการประกันภัยแบบอิงตัวแปรบนพื้นฐานของบล็อกเชนเพื่อเกษตรกร ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความสนใจอย่างมากในเวียดนามและทั่วอาเซียน เพราะมีประโยชน์อย่างยิ่งในภาคการเกษตร
ราวนาค เมห์ตา ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Igloo กล่าวว่า "การสนับสนุนจากนักลงทุนเป็นสิ่งพิสูจน์ที่ชัดเจนถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง การฟื้นตัวแม้ต้องเผชิญกับอุปสรรค และเป็นหลักฐานว่ากลยุทธ์ของเราประสบผลสำเร็จ เราเป็นบริษัทอินชัวร์เทคเพียงรายเดียวในอาเซียนที่มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และมีช่องทางการกระจายผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุม"
"ตลาดประกันภัยในประเทศไทยยังคงแข็งแกร่ง และได้แรงสนับสนุนจากการรับรู้ถึงความสำคัญของการทำประกันภัย แม้คนไทยจะเริ่มเข้าใจในเรื่องนี้มากขึ้น แต่ยังมีช่องว่างและโอกาสอีกมาก เพราะอัตราการทำประกันภัยในไทยอยู่ที่ 5.5% เท่านั้น" จอห์น เฉิน ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ Igloo กล่าวและเสริมว่า “Igloo วางกลยุทธ์ในการเจาะตลาดประเทศไทยโดยมุ่งเป้าไปที่การใช้นวัตกรรมและการขยายพันธมิตรในประเทศ เพื่อเข้าถึงภาคธุรกิจใหม่ๆ และนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น การประกันภัยพืชผลทางการเกษตร”
สำหรับ Igloo เป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญอย่างมากกับการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ในประเทศไทย โดยได้จับมือกับ AIS Insurance Service และ realme เพื่อให้ความคุ้มครองโทรศัพท์มือถือ และร่วมมือกับ AirAsia Ride และ Bolt เพื่อดูแลด้านการประกันภัยอุบัติเหตุและรถยนต์ที่คุ้มครองรถแท็กซี่และไรเดอร์กว่า 60,000 คน อีกทั้งล่าสุดยังได้เปิดตัว Lazada Protect ซึ่งเป็นการประกันภัยกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดอีกด้วย
ที่มาข้อมูล : TNN ONLINE
ที่มาภาพ : TNN