"คปภ." จ่อออกเกณฑ์ ดูแล "น้ำท่วมภาคใต้" เล็งผ่อนผันเบี้ย เร่งจ่ายเคลมบ้าน-รถ

นายอาภากร ปานเลิศ รองเลขาธิการด้านกำกับธุรกิจประกันภัย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. กล่าวว่า จากเหตุการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดสงขลา รวมถึงในหลายจังหวัดทางพื้นที่ภาคใต้ และสร้างความเสียหายให้กับทั้งภาคประชาชน และภาคธุรกิจอย่างมหาศาล โดยขณะนี้ทาง คปภ.ได้รวบรวมข้อมูลการทำประกันภัยและประกันวินาศภัย ประเภทอุทกภัยทั้งหมด

ซึ่งสามารถทำการเคลมและจ่ายเงินได้ทันทีหลังน้ำลดและมีการสำรวจความเสียหายแล้วเสร็จ ซึ่งล่าสุดวันนี้ได้มีการเรียกภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการทำประกันภัยทั้งหมดเข้ามาหารือ ทั้งสมาคมประกันภัย และบริษัทรับทำประกันวินาศภัยต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจและกำหนดหลักเกณฑ์กลางในการเคลมประกันให้กับประชาชน เพื่อให้ถูกต้องและรวดเร็วที่สุด

โดยการจ่ายเงินเคลมประกันภัยจากน้ำท่วม จะแบ่งเป็นหลายส่วน

ส่วนแรกคือบ้านเรือนที่อยู่อาศัยที่เสียหาย ซึ่งมีความคุ้มครองเรื่องภัยธรรมชาติ หรือน้ำท่วม ในเบื้องต้นจะกำหนดให้บริษัทประกันจ่ายขั้นต่ำไปก่อน เช่น ภัยธรรมชาติ 20,000 บาท น้ำท่วม 10,000 บาท ซึ่งรวมทั้ง 2 กรณีจะเป็น 30,000 บาท เพราะความคุ้มครองจะแยกกัน

ส่วนที่ 2 คือ สถานประกอบการภาคเอกชน ที่ต้องหยุดกิจการไปจากสถานการณ์น้ำท่วม ก็สามารถจ่ายเงินเคลมประกันให้ได้ทันที ตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง ตามหลักเกณฑ์ที่ได้ทำกรมธรรม์เอาไว้

ส่วนที่ 3 คือ กลุ่มรถยนต์สันดาป หรือ รถยนต์ที่ใช้น้ำมันทั่วไป ที่เสียหายจากการถูกน้ำท่วม ซึ่งจะแบ่งจ่ายเป็น 5 ระดับตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงกับตัวรถ ตั้งแต่ถูกน้ำท่วมระดับพื้นรถยนต์ ไปถึงถูกน้ำท่วมทั้งคัน ซึ่งส่วนนี้ก็สามารถจ่ายเงินเคลมประกันได้เลย เพราะมีหลักเกณฑ์เดิมที่กำหนดเอาไว้แล้ว

และส่วนที่ 4 คือ รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถยนต์ EV ในส่วนนี้เป็นเรื่องใหม่ที่ยังไม่ได้มีการกำหนดมาตรฐานกลางเอาไว้ ซึ่งที่ผ่านมาประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าจะครอบคลุมความเสียหายจากแบตเตอรี่เป็นหลัก เนื่องจากเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด และแพงที่สุด แต่จากสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก จึงต้องทำการกำหนดเป็นมาตรฐานกลางให้บริษัทประกันภัยแต่ละบริษัทนำไปใช้เพื่อจ่ายชดเชยให้กับผู้ทำประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างถูกต้อง

โดยจะมีกาารพิจารณาเกณฑ์ความเสียหายในหลายกรณี ไม่ว่าจะเป็น การขับรถไปแล้วเจอน้ำท่วม หรือจอดไว้แล้วถูกน้ำท่วม ซึ่งจำเป็นที่จะต้องพิจารณาระยะเวลาที่รถ และแบตเตอรี่แช่น้ำ โดยจะกำหนดหลักเกณฑ์ให้ชัดเจนว่า แช่น้ำกี่วันถึงจะถือว่าเสียหายทั้งคัน และต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ หรือแค่ตรวจสอบ เพื่อซ่อมแซม รวมถึงการจ่ายค่าชดเชยจะจ่ายให้เฉพาะแบตเตอรี่ หรือตัวรถด้วย

ทั้งนี้มาตรฐานกลางทั้งหมดจะสรุปออกมาภายใน 1-2 วันนี้ เพื่อแจ้งให้ประชาชนผู้ประสบภัยรับทราบ นำไปสู่การเตรียมพร้อมทั้งข้อมูลและหลักฐานความเสียหายของรถ ในการนำไปยื่นเรื่องเพื่อเคลมประกันกับบริษัทประกันภัยได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องต่อไปหลังจากสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายหลังจากนี้

นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ.เร่งออกแนวปฏิบัติด้านประกันภัย ดูแลผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมหลายจังหวัดภาคใต้ ชี้เพื่อเป็นแนวทางการจ่ายเคลมให้กับบริษัทประกัน ทั้ง “รถยนต์-บ้านเรือนที่อยู่อาศัย” ทั้งมาตรการช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยเกี่ยวกับการผ่อนผันการจ่ายเบี้ยประกัน โดยขยายเวลาออกไป เช่น อาจจะขยาย 6 เดือน หรือให้สามารถแบ่งชำระเป็นงวด ๆ ตรงนี้กำลังหารือกับภาคธุรกิจประกันภัยอยู่

โดยขณะนี้ คปภ.อยู่ระหว่างดำเนินการออกแนวปฏิบัติด้านประกันภัย เพื่อดูแลผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดภาคใต้ ซึ่งจะเป็นการกำหนดแนวทางการจ่ายค่าสินไหมชดเชยความเสียหายด้านประกันภัยของบริษัทประกันภัยต่าง ๆ ให้แก่ลูกค้าที่ประสบภัย

ขณะที่ในเบื้องต้น การประเมินความเสียหายทั้งหมด ตอนนี้ยังประเมินไม่ได้ ต้องรอหลังน้ำลด และต้องรอบริษัทประกันรายงานเข้ามา ซึ่งได้หารือกับสมาคมประกันวินาศภัยไทยแล้ว หลังจากนั้นคปภ.จะออกแนวปฏิบัติ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ทันทีหลังน้ำลด