ดร.อนุสรณ์ ชี้สงครามการค้าสหรัฐฯ ฉุดเศรษฐกิจโลก เสี่ยงโตต่ำ 3% - ห่วง GDP ไทยหลุด 2% อาจติดลบ I WEALTH LIVE

ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ให้สัมภาษณ์ในรายการ WEALTH LIVE เตือนสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน กำลังส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจโลก คาดฉุดการเติบโตต่ำกว่า 3% ขณะที่เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงสูงที่จะขยายตัวต่ำกว่า 2% และอาจเผชิญภาวะ GDP ติดลบในบางไตรมาส
สงครามการค้าสหรัฐฯ ฉุดเศรษฐกิจโลก ชะลอตัวแรง
ดร.อนุสรณ์ วิเคราะห์ว่า การตั้งกำแพงภาษีตอบโต้กันไปมาระหว่างประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะสหรัฐฯ และจีน ที่ยังไม่มีฝ่ายใดยอมอ่อนข้อ กำลังทำให้ปริมาณการค้าโลกปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงและมีนัยสำคัญ ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกขยายตัวลดลงอย่างชัดเจน
"ตัวเลขที่ OECD เคยประเมินไว้ว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้จะขยายตัวราว 3.1% นั้น เป็นการคาดการณ์ก่อนที่มาตรการภาษีจะรุนแรงเท่าปัจจุบัน แต่เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ โอกาสที่เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวต่ำกว่า 3% มีความเป็นไปได้สูงมาก" ดร.อนุสรณ์ กล่าว
ผลกระทบนี้ยังย้อนกลับไปที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ เอง ซึ่งอาจขยายตัวไม่ถึง 2% ขณะที่จีนซึ่งตั้งเป้าหมายไว้ที่ 5% ก็ไม่น่าจะทำได้ตามเป้า
ห่วง GDP ไทยปีนี้ต่ำ 2% - เสี่ยงติดลบรายไตรมาส
สำหรับผลกระทบต่อประเทศไทย ดร.อนุสรณ์ แสดงความกังวลว่า เศรษฐกิจไทยมีความเป็นไปได้สูงอย่างยิ่งที่จะขยายตัวต่ำกว่า 2% ในปีนี้ และมีความเสี่ยงที่ GDP จะติดลบในบางไตรมาส โดยเฉพาะไตรมาสที่ 2 ซึ่งคาดว่าจะติดลบเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกอย่างแน่นอน แม้เทียบกับปีก่อนอาจยังเป็นบวกเล็กน้อย
"หากในช่วงครึ่งปีหลัง ไทยไม่สามารถเจรจาต่อรองได้ และถูกเก็บภาษีตามที่สหรัฐฯ ประกาศไว้ ก็มีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยอาจติดลบได้"
อุตสาหกรรมส่งออกพึ่งพาสหรัฐฯ กระทบหนักสุด
ผลกระทบจากสงครามการค้าจะส่งผ่านมายังภาคการส่งออกของไทยเป็นหลัก ซึ่งจะกระทบต่อเนื่องไปยังกิจกรรมการผลิตและการจ้างงานในประเทศ อุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดคือกลุ่มที่มีมูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ สูง และพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ ในสัดส่วนที่มาก ได้แก่:
- คอมพิวเตอร์และชิ้นส่วน: มูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ 3.7 แสนล้านบาท (สัดส่วน 19.23%)
- โทรศัพท์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ: มูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ 1.6 แสนล้านบาท (สัดส่วน 8.45%)
- อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์
- หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ
- รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ
นอกจากนี้ สินค้าอื่นๆ ที่ผลิตโดยผู้ประกอบการไทย เช่น ข้าว, อาหารสัตว์ และเครื่องนุ่งห่ม ก็อาจได้รับผลกระทบมากเช่นกัน
ส่วนประเด็นการย้ายฐานการผลิตนั้น ดร.อนุสรณ์ มองว่าอาจยังไม่เกิดขึ้นทันทีในระยะแรก แต่อาจมีการปรับสมดุลการผลิต โดยบริษัทข้ามชาติอาจลดการผลิตในไทยเพื่อส่งออกไปสหรัฐฯ และหันไปเพิ่มกำลังการผลิตในโรงงานที่สหรัฐฯ แทน เนื่องจากไม่คุ้มค่าหากต้องเสียภาษีในอัตราสูง
สหรัฐฯ ได้-เสีย จากกำแพงภาษี
แม้การตั้งกำแพงภาษีจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและไทย แต่สำหรับสหรัฐฯ เอง ดร.อนุสรณ์ ชี้ว่า อาจมีทั้งผลดีและผลเสีย ประชาชนอเมริกันจะเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นและอัตราเงินเฟ้อที่อาจปรับตัวสูงขึ้นจากการซื้อสินค้านำเข้าที่แพงขึ้นอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ อาจได้ประโยชน์จากการแก้ปัญหาขาดดุลการค้าได้ระดับหนึ่ง และอาจจูงใจให้เกิดการย้ายฐานการผลิตกลับไปตั้งในสหรัฐฯ มากขึ้น นอกจากนี้ รายได้จากภาษีศุลกากรที่เพิ่มขึ้น อาจถูกนำไปชดเชยการขาดดุลงบประมาณ หรือนำไปสนับสนุนการลดภาษีให้กับภาคธุรกิจตามนโยบายของรัฐบาลทรัมป์
"สหรัฐฯ มีปัญหาสำคัญ 2 ด้าน คือ การขาดดุลการค้ามหาศาล และการขาดดุลงบประมาณต่อเนื่อง ซึ่งนำไปสู่หนี้สาธารณะระดับสูง ปัญหาเหล่านี้ต้องแก้ไข แต่การใช้วิธีขึ้นกำแพงภาษีอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวม" ดร.อนุสรณ์ ให้ความเห็น
เงินเฟ้อโลกยังประเมินยาก - ขึ้นอยู่กับปัจจัยต้าน
ดร.อนุสรณ์ อธิบายว่า ผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อทั่วโลกยังประเมินได้ยาก เนื่องจากมีปัจจัยที่ขัดแย้งกันอยู่ ในด้านหนึ่ง กำแพงภาษีที่สูงขึ้นย่อมทำให้ราคาสินค้าแพงขึ้น (Tariff Inflation) แต่ในอีกด้านหนึ่ง การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและปริมาณการค้าที่ลดลง จะทำให้อุปสงค์โดยรวมลดลง ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันให้เงินเฟ้อต่ำลง