เศรษฐกิจใต้สะเทือนจากน้ำท่วมใหญ่ ธปท.ชี้กระทบหลายมิติ

น้ำท่วมใหญ่ภาคใต้ กระทบเศรษฐกิจหลายชั้น ธปท.จับตา GDP – หนี้ครัวเรือน – การท่องเที่ยว

อุทกภัยครั้งใหญ่ที่ปกคลุมหลายพื้นที่ภาคใต้ กลายเป็นโจทย์ท้าทายต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงปลายปีอย่างชัดเจน ภายใต้ความเสียหายทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และโครงสร้างทางเศรษฐกิจในจังหวัดสำคัญอย่างสงขลาและนครศรีธรรมราช ซึ่งถือเป็นฐานกิจกรรมทางเศรษฐกิจของภาคใต้ตอนล่าง

น.ส.ปราณี สุทธศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า ธปท.กำลังประเมินผลกระทบโดยรวม ทั้งต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การผลิต การค้า การเกษตร และการท่องเที่ยว ก่อนประกาศประมาณการเศรษฐกิจไทยรอบใหม่ในการประชุม กนง. วันที่ 17 ธันวาคมนี้ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่ข้อมูลความเสียหายจากน้ำท่วมถูกนำเข้าไปอยู่ในสมมติฐานเศรษฐกิจอย่างจริงจัง

สงขลา–นครศรีธรรมราช น้ำท่วมกระทบพื้นที่เศรษฐกิจคิดเป็น 2.6% ของ GDP ไทย

พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้มีน้ำหนักทางเศรษฐกิจไม่น้อย สงขลาและนครศรีธรรมราชมี GDP รวมคิดเป็นกว่า 2.6% ของเศรษฐกิจไทยตลอดทั้งปี หากกิจกรรมหยุดชะงักแม้เพียง 1 เดือน ผลกระทบจึง “ขยายสเกล” ขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ด้านการท่องเที่ยวถือเป็นอีกตัวแปรสำคัญ โดยเฉพาะตลาดมาเลเซียที่ปกติเดินทางเข้าสงขลาเฉลี่ยวันละราว 10,000 คน รายได้จากนักท่องเที่ยวเป็นสัดส่วนสำคัญต่อธุรกิจค้าปลีก โรงแรม และภาคบริการ การหยุดชะงักจึงส่งผลเป็นลูกโซ่ต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น

หนี้ครัวเรือนเสี่ยงพุ่ง ธปท.เร่งมาตรการช่วยลูกหนี้

ความเสียหายต่อบ้านเรือนและการหยุดรายได้ ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือนลดลงอย่างทันที ธปท.จึงสั่งการสถาบันการเงินและผู้ให้กู้เร่งใช้มาตรการช่วยเหลือแบบ “ผ่อนปรนเฉพาะภัยพิบัติ” อาทิ

• ปรับลดขั้นต่ำบัตรเครดิตต่ำกว่าที่กำหนด เป็นเวลาไม่เกิน 12 เดือน
• อนุมัติวงเงินฉุกเฉินเกินเพดานเดิมในสินเชื่อส่วนบุคคล เพื่อให้ผู้ประสบภัยมีเงินกู้ฉุกเฉินฟื้นฟูบ้านเรือน
• ปรับดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม หรือโครงสร้างหนี้ รวมถึงชะลอการจัดชั้นหนี้เสีย

ธปท.ระบุว่า “ช่องว่างของการช่วยเหลือ” ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อประสานแบงก์ให้ปรับมาตรการที่เหมาะสมกับพื้นที่และกลุ่มลูกหนี้ที่ได้รับความเสียหายรุนแรง

การฟื้นฟูหลังน้ำลดจะเป็นแรงกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่

แม้ผลกระทบเชิงเศรษฐกิจระยะสั้นจะรุนแรง แต่การซ่อมสร้างหลังน้ำลดจะก่อให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจวงรอบใหม่ในภูมิภาค เช่น การซ่อมแซมบ้านเรือน ถนน ระบบไฟฟ้า และสาธารณูปโภค ซึ่งจะช่วยประคองเศรษฐกิจท้องถิ่นในระยะกลาง

ด้านการคลัง น.ส.ปราณีระบุว่า งบกลางรายการฉุกเฉินสามารถนำมาใช้ฟื้นฟูได้ทันที แม้อยู่ในช่วงรอยต่อรัฐบาล จึงไม่น่าจะเกิด “ช่องว่างนโยบาย” ที่ทำให้การช่วยเหลือประชาชนสะดุด