รีเซต

บลจ.ยูโอบีชี้ทิศลงทุนหุ้นโลก เม็ดเงินไหลเข้าธุรกิจเทคต่อ

บลจ.ยูโอบีชี้ทิศลงทุนหุ้นโลก เม็ดเงินไหลเข้าธุรกิจเทคต่อ
ทันหุ้น
26 พฤษภาคม 2566 ( 14:52 )
65
บลจ.ยูโอบีชี้ทิศลงทุนหุ้นโลก เม็ดเงินไหลเข้าธุรกิจเทคต่อ

บลจ.ยูโอบี ยังมั่นใจเจรจาเพดานหนี้สหรัฐผ่านได้ดีเหมือนทุกครั้ง ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะเกิดไม่รุนแรง และนักลงทุนยังซื้อหุ้นเติบโต โดยเฉพาะบิ๊กเทค ที่มีรายได้จากการทำธุรกิจแล้ว ขณะที่ตราสารหนี้ยังคงน่าสนใจจากดอกเบี้ยที่สูง ย้ำหุ้นกู้ต้องเน้นคุณภาพ เลี่ยงผิดนัดชำระหนี้

 

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) จํากัด หรือ บลจ.ยูโอบี ให้มุมมองการลงทุนสัปดาห์นี้ว่า เริ่มเห็นสัญญาณการกลับมาของหุ้นกลุ่ม Growth Stock ในตลาดหุ้นสกรัฐ หลังจากช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนเน้นหุ้นกลุ่ม Defensive เพื่อรับมือกับตลาดผันผวน

 

กลุ่มหุ้นเติบโตยังแรง

ทั้งนี้หุ้น Growth Stock ที่เม็ดเงินไหลเข้าช่วงก่อนหน้าโดยเฉพาะบริษัท Mega Cap ที่เกี่ยวข้องกับ AI

Platform และ Chipmaker อย่าง Alphabet, Meta, Nvidia ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีรวมถึงได้รับแรงสนับสนุนจากประเด็นความกัวลเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐ (Debt Ceiling) ที่คลี่คลายมากขึ้นหลังจากผลการเจรจาระหว่าง พรรคเดโมแครต (Democrats) และ พรรครีพับลิกัน (Republicans) ออกมาเป็นในเชิงบวก 

 

อย่างไรก็ดี ตลาดความกังวลกลับมาอีกครั้งในช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมาหลังจากทางพรรครีพับลิกัน ส่งสัญญาณพักการเจรจาชั่วคราว

 

บลจ.ยูโอบี มองว่าประเด็น Debt Ceiling อาจสร้างความผันผวนให้กับตลาดได้ในระยะนี้และอาจจะพบกับ เหตุการณ์ลักษณะนี้ได้เรื่อยๆ จนกว่าจะถึงการเลือตั้งประธานธิบดีในปี 2567 อย่างไรก็ตาม บลจ.ยูโอบีเชื่อว่า จะหาขอยุติได้เหมือนเช่นทุกครั้งไม่ควรกังวลกับประเด็นนี้มากเกินไป

 

โดยมองว่าตลาดจะกลับมาให้ความสำคัญกับโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยได้มากน้อยแค่ไหน และอยากให้จับตาดูภาคการบริการที่เป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งประมาณ 70%ของ GDP เป็นพิเศษ หลังจากตัวเลข Consumer Confidence และ Retails Sales ที่ประกาศออกมาเติบโตน้อยกว่าคาดและส่งสัญญาณชะลอตัวลง ส่วนตัวเลขภาคการจ้างงานที่แม้ว่าจะชะลอตัวแต่ยังถือว่าแข็งแรงอยู่

 

บลจ.ยูโอบี มองว่าเศรษฐกิจมีโอกาสถดถอยได้ในระยะข้างหน้า อย่างไรก็ดียังคงมองเศรษฐกิจถดถอยที่จะ 

เกิดขึ้นเป็นแบบไม่รุนแรง (Mild Recession) อีกทั้งตลาดที่เริ่มปรับลดโอกาสที่ Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้ปีจาก 3 ครั้ง (75 bps) ในเดือนก่อนหน้า ขึ้นมาเป็น 2 ครั้ง (50 bps) ในปัจจุบันมองว่าเป็นทิศทางที่สมเหตุสมผล

 

เน้นเมกะเทรนด์-หุ้นกู้คุณภาพ

ยังคงแนะนำอาศัยจังหวะผันผวนทยอยสะสม (Buy On Dip) ในหุ้นที่มีความสามารถในการสร้างกำไรที่สม่ำเสมอ และมีพื้นฐานรองรับการเติบโตที่ชัดเจนสามารถเติบโต เป็นเมกะเทรนด์อย่าง หุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ (Robotics & AI) ธุรกิจอีวี ยานยนต์ไฟฟ้า (EV), ธุรกิจมุ่งสู่ความยั่งยืน (ESG), พลังงานสะอาด (Clean Energy) รวมถึงหุ้นเทคขนาดใหญ่ อย่างกลุ่ม Big Tech ที่สามารถสร้างรายได้เข้ามาแล้ว

 

แนะนำกองทุน UESG ลงทุนในกองทุนหลัก Robeco Sustainable Global Stars Equities Fund ที่มุ่งหวังการเติบโตอย่างยังยืน (Sustainable) โดยคัดเลือกบริษัทที่ผู้บริหารให้ความสำคัญกับปัจจัยด้าน ESG,

 

กองทุน UEV กองทุน Fund of Funds ที่ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศและ/หรือกองทุนรวม ETF ที่มีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับบริษัทที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับการผลิตแบตเตอร์รี่ และรถยนต์ไฟฟ้าจากทั่วโลก

 

ในส่วนของตราสารหนี้ ยังคงเป็นคำแนะนำหลักของ บลจ.ยูโอบี ด้วยระดับของ Yield ที่อยู่ในระดับที่น่าสนใจรวมถึงโอกาสในการได้รับ Capital Gain จากแนวโน้มการดำเนินนโยบายทางการเงินที่ใกล้ถึงจุดเปลี่ยนและเข้มงวดน้อยลง 

 

โดยแนะนำการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพในระดับ Investment Grade ขึ้นไปเพื่อลดความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย ทั้งนี้ควรพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพ ลดความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ในภาวะที่เศรษฐกิจยังคงชะลอตัว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง