โคราชพบคลัสเตอร์งานศพ เชื่อมโยงโรงงานกุนเชียง ทำติดเชื้อ 9 ราย
วันที่ 12 พฤษภาคม 2564 นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ว่าพบการระบาดในกลุ่มคลัสเตอร์ โรงงานผลิตกุนเชียงในเขตพื้นที่ อ.เมืองนครราชสีมา โดยล่าสุด ได้พิจารณาปิดหมู่บ้าน บ้านหนองว้า ม.2 และบ้านหนองว้าบูรพา ม.20 ต.โนนรัง อ.ชุมพวง แล้วเป็นระยะเวลา 14 วัน ตั้งแต่ วันที่ 12-25 พฤษภาคม 2564 เนื่องจากมีการนำเชื้อโควิด-19 จากคลัสเตอร์โรงงานผลิตกุนเชียง ไปติดเครือญาติพี่น้อง เป็นจำนวนถึง 9 ราย จึงต้องมีการปิดหมู่บ้านดังกล่าวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค
ซึ่งในส่วนของโรงงานกุนเชียง ที่เกิดการระบาดนั้น ได้มีการกักตัวกลุ่มเสี่ยงกว่า 100 คน และมีการปิดโรงงานตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา และจะเปิดโรงงานอีกครั้งวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ ซึ่งได้ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าไปตรวจสอบมาตรการต่างๆเพื่อเตรียมความพร้อม
ในขณะนี้พื้นที่จังหวัดนครราชสีมา มีการปิดพื้นที่หมู่บ้าน รวม 5 หมู่บ้าน ใน 3 อำเภอแล้ว ได้แก่ พื้นที่ ต.บ้านวัง อ.โนนไทย 1 หมู่บ้าน , พื้นที่ ต.ธารปราสาท อ.โนนสูง 2 หมู่บ้าน และในพื้นที่ ต.โนนรัง อ.ชุมพวง 2 หมู่บ้าน สำหรับภาพรวมการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 วันนี้พบผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 14 ราย เป็นการพบในพื้นที่ อ.เมืองนครราชสีมา 2 ราย , อ.ปากช่อง 2 ราย , อ.สีคิ้ว 1 ราย และ อ.ชุมพวง 9 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 776 ราย รักษาหาย 433 ราย ยังรักษา 338 ราย เสียชีวิต 5 ราย ในขณะที่ รพ.สนาม มีผู้ป่วยเข้ารักษาสะสม 12 ราย รักษาหายส่งกลับบ้านแล้ว 104 ราย ยักรักษาอยู่ 16 ราย เป็นชาย 9 ราย หญิง 7 ราย
สำหรับคลัสเตอร์ใหม่ในพื้นที่ อ.ชุมพวง ที่มีผู้ติดเชื้อ 9 รายนั้น เกิดจากผู้ป่วยรายที่ 760 เพศชาย เป็นเด็กฝึกงานในโรงงานกุนเชียง ในพื้นที่ อ.เมืองนครราชสีมา กลับไปร่วมงานศพที่บ้าน ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านโนนรัง อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา ระหว่างวันที่ 4-6 พฤษภาคม 2564 ก่อนไปแพร่เชื้อ ทำให้มีญาติพี่น้องติดเชื้อ 9 ราย ในจำนวน 9 ราย เป็นเด็ก อายุ 1 ขวบ อายุ 3 ขวบ อายุ 8 ขวบ รวมกันถึง 6 ราย ส่วนกลุ่มเสี่ยงมีจำนวน 50 ราย ได้มีการสั่งกักตัวแล้ว พร้อมให้มีการติดตามตัวกลุ่มเสี่ยงมาตรวจเพิ่มเติม คลัสเตอร์นี้ต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิด
นายวิเชียร กล่าวอีกว่า ถึงแม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อในแต่ละวันจะมีจำนวนที่ลดลง แต่มาตรการต่างๆในการสั่งปิดสถานที่เสี่ยง หรือมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดจะสิ้นสุดในวันที่ 16 พฤษภาคมนี้ การจะผ่อนปรนมาตรการนั้น จะต้องมีการประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคแบบวันต่อวัน ซึ่งหากสถานการณ์ดีขึ้นก็จะมีการผ่อนปรน แต่หากสถานการณ์กลับแย่ไปกว่าเดิม ก็จำเป็นจะต้องขยายระยะเวลาออกไปอีก
ดังนั้น การฉีดวัคซีนถือเป็นสิ่งที่สำคัญในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงต้องมีการประชาสัมพันธ์เชิงรุก ให้ประชาชนเข้าใจถึงประโยชน์ของการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัว ซึ่งตัวเลขขณะนี้อาจจะเพิ่มขึ้นมา มีผู้ลงทะเบียน ประมาณ 51,698 ราย คิดเป็นร้อยละ 6.04 เปอร์เซ็นต์ จากยอดจำนวน 860,000 ราย แต่ก็ต้องเร่งสร้างการรับรู้ให้ประชาชนลงทะเบียนเพื่อรับวัคซีนอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ได้เตรียมเชิญบุคคลสำคัญ นักธุรกิจในจังหวัดนครราชสีมา ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มาฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 เป็นตัวอย่างให้กับประชาชนในจังหวัด เพื่อกระตุ้นให้เห็นถึงความสำคัญและความปลอดภัยของการฉีดวัคซีน ที่ประชาชนหลายคนอาจจะกังวลถึงความปลอดภัยในการฉีดวัคซีน แต่หากได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องก็จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าการฉีดวัคซีนมีความปลอดภัยสูง