รีเซต

มูลนิธิเมาไม่ขับ ร้องกมธ.กฎหมายฯ ตั้งคณะอนุกรรมการ แก้โทษเมาแล้วขับ

มูลนิธิเมาไม่ขับ ร้องกมธ.กฎหมายฯ ตั้งคณะอนุกรรมการ แก้โทษเมาแล้วขับ
มติชน
11 ตุลาคม 2564 ( 12:43 )
60

“หมอแท้จริง” พร้อมเหยื่อเมาแล้วขับ ร้อง “กมธ.กฎหมายฯ” ตั้งคณะอนุกรรมการศึกษาบทลงโทษฐานเมาแล้วขับ จี้ สอบคดีเมาแล้วชน 2 ผัวเมียพร้อมลูกน้อยที่ศรีสะเกษ ด้าน “สิระ” ลั่น ถึงเวลาแล้วต้องทำให้คนเมาแล้วขับเป็นฆาตกร ชี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง

 

มูลนิธิเมาไม่ขับ ร้องกมธ.กฎหมายฯ ตั้งคณะอนุกรรมการ แก้โทษเมาแล้วขับ จี้ตามคดีปิกอัพเมาชนจยย.ที่ศรีสะเกษ

 

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 11 ตุลาคม ที่รัฐสภา นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขามูลนิธิเมาไม่ขับ พร้อมเหยื่อเมาแล้วขับ ยื่นหนังสือถึงนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้กมธ.ตั้งคณะอนุกรรมการศึกษาแก้ไขบทลงโทษในฐานะความผิดเมาแล้วขับเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต และขอให้ติดตามตรวจสอบคดีเมาแล้วขับในพื้นที่จ.ศรีสะเกษ

 

โดยนพ.แท้จริง กล่าวว่า จากความสูญเสียจากอุบัติเหตุบนท้องถนนส่งผลกระทบต่อสังคมไทยอย่างรุนแรง ทั้งความสูญเสียทางด้านเศรษฐกิจ ชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งในทุกปีจะมีคนไทยเสียชีวิตบนท้องถนนประมาณ 19,000 คน บาดเจ็บราว 1 ล้านคน มีผู้พิการไม่น้อยกว่า 60,000 คน ซึ่งสาเหตุสำคัญเกิดจากพฤติกรรมการเมาแล้วขับ ขณะเดียวกันบทลงโทษทางกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่สามารถหยุดยั้งพฤติกรรมผู้ที่เมาแล้วขับได้ มูลนิธิเมาไม่ขับ จึงขอให้กมธ.พิจารณาแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อศึกษาแก้ไขบทลงโทษฐานความผิดเมาแล้วขับจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายจากความผิดฐานประมาท และขอให้แก้ไขเป็นการขับขี่ที่มีอันตรายร้ายแรงเล็งเห็นผลได้ว่าจะเป็นสาเหตุทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต บาดเจ็บและพิการได้

 

นพ.แท้จริง กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังขอให้กมธ.ติดตามตรวจสอบคดีที่นายราเมศ มาด้วง อายุ 47 ปี เมาสุรา และขับรถชนนายสมปอง ลุนลา น.ส.ยุวดี พลเยี่ยม 2 สามีภรรยาเสียชีวิตพร้อมกับบุตรชายอายุ 1 ขวบ และมีบุตรหญิง 3 ขวบ บาดเจ็บสาหัสเหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2564 ที่ สภ.เมืองจันทร์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งหลังขับรถชนแล้วรถปิคอัพได้ลากรถมอเตอร์ไซต์พร้อมกับร่างคนติดใต้ท้องรถไปไกลกว่า 200 เมตร หลังจากนั้นได้หยุดรถเพื่อดึงชากรถจักรยานยนต์ออกจากใต้ท้องรถและพยายามขับหลบหนีต่อ ซึ่งแสดงให้เห็นเจตนาจะหลบหนีไม่ลงมาช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ซึ่งไม่น่าจะเป็นเรื่องของความประมาท น่าจะต้องดำเนินคดีว่ามีเจตนาทำร้ายผู้อื่นส่งผลให้เสียชีวิตและบาดเจ็บ

 

ด้านนายสิระ กล่าวว่า กรณีของนายราเมศ ตนคุยกับกมธ.หลายคนแล้วว่าจะลงไปตรวจสอบพนักงานสอบสวนว่าตั้งข้อหาอะไร เพราะจากที่ดูในคลิปไม่ใช่เมาแล้วขับแล้วเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งหลังจากเกิดเหตุนายราเมศได้ลากคน 3 คนไปอีก 200 เมตร นายราเมศทำไปเพื่ออะไร เพื่อปกปิดความผิดที่ตัวเองได้กระทำผิดไปใช่หรือไม่ ซึ่งคดีนี้ประเด็นสำคัญคือการปกปิดหลักฐาน โดยตนจะทำคดีนี้เพื่อเป็นบรรทัดฐานให้กับประชาชนคนบริสุทธิ์ทั้งประเทศให้ได้รับการคุ้มครอง วันนี้ถึงเวลาแล้วหรือไม่ที่ประเทศไทยจะเรียกบุคคลเหล่านี้ว่าฆาตกร ไม่ใช่คนเมาแล้วขับ ทั้งนี้ตนมีข้อสังเกตว่าคนที่เมาแล้วขับส่วนมากจะเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองด้วยซ้ำ เมื่อเจอด่านก็โทรหาพรรคพวก ซึ่งการที่ไปอะลุ่มอะล่วยหรือการไม่จับเช่นนี้ ถือเป็นการสนับสนุนบุคคลเหล่านี้ไปฆ่าคน ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ควรมีความสำคัญระดับต้นของสภาฯ ตนจะทำให้คนที่เมาแล้วขับเป็นฆาตกรให้ได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง